โพสว่าด้วยการอวยละครฝันเฟื่อง ละครเรื่องแรกในรอบหลายปีที่ติดและดูอย่างจริงจังตั้งใจทุกตอนเลย ทั้งๆที่ตอนเริ่มต้นนี่แค่บังเอิญเปิดผ่านมาเจอ และรู้สึกว่ารีเมคเร็วจังเลย แต่พอดูๆไปเรื่อยรู้ตัวอีกที จันทร์-อังคารนี่มานั่งรอหน้าทีวีเรียบร้อยแล้ว เวอร์ชั่นนี้มีการปรับบทให้ทันสมัยมากขึ้น และเข้ากับวัฒนธรรมปัจจุบันมากขึ้น ทั้งการติดโซเชียลเน้นแชท ตัวการ์ตูนสติ้กเกอร์ เข้าใจว่าจังหวะในเรื่องพยายามจะทำออกมาเป็นการ์ตูนและคอมเมดี้ ซึ่งก็ทำออกมาได้ตลก การ์ตูนสมความตั้งใจมากเลยนะ ยิ่งช็อตทำภาพแบบเป็นซีนในการ์ตูน ตลกมากหน้าเหวอ หน้าอึ้งได้ใจเชียว อีโมที่ใส่มาตอนแรกดูน่ารำคาญแต่ตอนนี้ดูเฉยๆล่ะ นอกจากความพยายามและแนวเรื่องที่ออกเป็นคอเมดี้ สิ่งหนึ่งี่ทำให้ฝันเฟื่องเป็นละครตลกมาก คือนักแสดง พูดเลย!! ทุกคนเล่นเข้าขากันมาก ไม่มีใครเล่นแข็งหรือขัดหูขัดตาเลย ทุกคนลื่นนนนนไหลลลลล ดูเพลินมากกก พอดูสัมภาษณ์เบื้องหลังว่าถ่ายทำอย่างสนุกมากนี่เชื่อนะ เพราะรู้สึกสัมผัสควรมครื้นเครงรื่นเริงจากเนื้องานที่ออกมาได้เลย โปรดักชั่น โปรดักชั่นนี่ก้ำกึ่งมากเลยระหว่างดีและกลางๆ เพราะฉากเปิดตัวนางเอกและพระเอก ที่เจอกันในงานเลี้ยงหรู ที่ควรจะโปรดักชั่นฉากอลังๆรวยๆ อย่างฉากเปิดโรงแรมนั้นเซทออกมาได้ง่อยมากกกกกกกกถึงมากที่สุด เข้าขั้นป่วยเลยทีเดียว ไม่สัมผัสถึงความหรูหราเลย อารมณ์เหมือนฉากในละครซิทคอมมากๆ แต่มาได้คะแนนโปรดักชั่นตีกลับขึ้นมาในฉากงานวันเกิดคุณหญิงป้า
PK หนังที่จ่ายแพงกว่าปกติ และรวมค่ารถในการถ่อไปดูยังคุ้มเกินค่าตั๋ว PK หนังอินเดียที่กระแสบอกต่อต้องมาแรงมากๆแน่ถ้าคนได้ไปดูมา (ซึ่งเราก็ไปดูตามคำบอกต่อรีวิวมาเหมือนกัน) ซึ่งพบว่าหนังดีมากกกกกกกกก ถึงมากที่สุด แม้ว่าหนังจะเข้าจำกัดโรงแค่เมเจอร์สุขุมวิทและพระรามสาม รวมกับค่าความเฉพาะกลุ่มที่ตั๋วแพงกว่าปกติที่ 250 (ได้ราคาลดมาที่ 230) รวมกับการที่ต้องนั่งรถเพื่อไปดูก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกหรือความรู้สึกคุ้มค่าที่ได้ไปดูลดน้อยลงเลยสักนิด กลับกันกลับรู้สึกว่าถ้าไม่ได้ถ่อมาดู ไม่ยอมจ่ายมาดูจะเป็นอะไรที่เสียใจมาก หนังว่าด้วยเรื่องของมนุษย์ต่างดาวที่เดินทางมาทำวิจัยที่โลกมนุษย์และถูกขโมยรีโมทส่งสัญญาณกลับบ้านไปจนได้มาเจอกับนางเอกที่ทำงานเป็นนักข่าวแล้วเรื่องของการเริ่มต้นตามเอารีโมทคืนก็เริ่มขึ้นพร้อมกับการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อ เรื่องราวความวุ่นวายของพระเอกเกิดจากโจรที่ขโมยรีโมท ที่เป็นสร้อยวิบวับไปและเอาไปขายให้แก่นักบวข? ที่เป็นผู้นำลัทธิซึ่งเอาไปหลอกลวงชาวบ้านต่อว่าเป้นของศักดิ์สิทธิ์ โดยการเริ่มต้นตามหารีโมทของพระเอกเริ่มขึ้นพร้อมกับความรักของนางเอกชาวอินเดียและหนุ่มปากีสถาน (ที่ความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติ ความเชื่อ ศาสนาพุ่งสูงเลยทีเดียว)และนางเอกถูกคำทำนาย(ของนักบวชที่เอาสร้อยพระเอกไป)มาสั่นคลอนความรักกับแฟนหนุ่ม นี่คือสองเส้นเรื่องของหนังเรื่องนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทั้งหมด หนังเล่าเรื่องของพระเอกที่ต้องการตามหารีโมทในนิวเดลฮี เมืองใหญ่คนระดับสิบล้าน ด้วยความว่างเปล่า ใครเอาไป คนนั้นคือใคร อยู่ที่ไหน เรียกได้ว่ายิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเลยทีเดียว และทุกคนที่พระเอกไปพบก็ต่างบอกพระเอกว่าต้องไปให้พระเจ้าช่วยแล้วแหละ ซึ่งทำให้พระเอกเริ่มออกตามหาพระเจ้า แต่ปัญหาคือ พระเอกต้องตามหาพระเจ้าองค์ไหนล่ะ?
เดอะวอยซ์ปีนี้เป็นปีแรกที่ดูแบบจริงจังตั้งใจมากกกก จำผู้เข้าแข่งขันได้เกือบหมด ดูย้อนคลิปบลายด์หลายรอบมาก ส่วนของคุณภาพนักร้องในฐานะมือใหม่ที่หูแบบทั่วไปมาก คือถ้าไม่เพี้ยนโดดเด่น ดีโดดเด่นก็รู้สึกว่าทุกเพลงเพราะหมด (เอาจริงว่าดูยันจบยังไม่รู้สึกว่ามีใครที่ร้องไม่ดีเลย ไม่นับพวกเทคนิคอะไรแบบนั้นนะ ฟังไม่ออก) ส่วนตัวมองว่ารอบบลายด์มีผลมากเลย ที่จะทำให้ใครคนนึง ”โดดเด่น”และ ”จำได้” ขึ้นมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับรายการ”ประกวด” ที่อิงจากการ ”โหวต” เพียงแต่เดอะว๊อยซ์ไม่ได้ให้โอกาสเรา “โหวต” ตามใจเรา100% เพราะระบบการแข่งขันคือโค้ชจะช่วยเลือกมาให้เราแล้วในระดับนึง – แน่นอนเพราะเป็นการโหวต จึงมากับความคาดหวัง…บางอย่าง
ท่าทีของกรมขนส่งทางบกต่อUber เป็นอะไรที่ตลกมาก แค่รู้สึกว่านี่ระบบความคิดแบบราชการมันมาครอบการพัฒนาไปหมดแล้ว ประเด็นที่สะดุดใจที่สุดที่กรมการขนส่งอ้างเรื่องUber ผิด (นอกจากการใช้รถผิดประเภท ซึ่งก็ผิดจริงตามนั้น) แต่อีกสองเรื่องที่เหลือนี่บอกตรงๆว่ากรุงงมากฮะ เรื่องแรก ค่าโดยสารแพงกว่าปกติ มากกว่าราคามาตรฐานที่ตั้ง คือแบบ งงมากว่ามันถือว่าผิดได้จริงๆหรอ โอเครในแง่กฎหมายมันอาจจะผิด แต่ในแง่ของธุรกิจแล้ว Uber มันคือแท๊กซี่เฟิร์สคลาสหรือป่าว แบบพัฒนาบริการมาเหนือระดับ ให้คนยินดีที่จะจ่ายแพงขึ้นเพื่อบริการที่ดีขึ้นหรือป่าว? การเอามาตรฐานราคามาตีกรอบแล้วบอกว่าผิด ส่วนตัวคิดว่ามันแปลกมาก เพราะUber เองบอกชัดอยู่แล้วว่าตัวเองแพงกว่า ถ้าอยากนั่งราคาปกติไปใช้แท๊กซี่ทั่วไปได้ คนใช้บริการนี่คือเรื่องของความพอใจล้วนๆเลยนะ แต่กลายเป็น่วาประชาชนอยากได้บริการที่ดีขึ้นและยอมจ่ายราคาแพงขึ้นเป็นเรื่องผิด แต่แท๊กซี่เหมา ปิดมิเตอร์นี่ก็มีวิ่งกันให้เพียบเลยแหะ เรื่องถัดมาคือ การใช้บัตรเครดิตอาจจะถูกหลอกลวงได้ โอ้ยยยยยยยมายยยยย นี่เป็นอะไรที่ช็อกและงงมาก ว่าจริงหรือ นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่Uberผิด ภาษาชาวบ้านคือล้อกรุเล่นปะเนี่ย คือท่านอธิบดีอาจจะต้องทำความเข้าใจว่าบัตรเครดิตเนี่ยมันไม่ใช่รูดผ่าน รูดผ่าน มันจะต้องมีการกรอกรหัสอยู่ แต่ แน่นอนมันมีความเสี่ยงในระดับหนึ่งสำหรับผู้ที่ใช้อย่างไม่ระวัง แต่มันก็เป็นทางเลือกนึงในการชำระเงินนอกไปจากเงินสด ซึ่งก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร ใจคอไม่น่าจะล็อกให้มันจบอยู่แค่การจ่ายเงินสด ซึ่งบางทีเป็นจ่ายเงินแบบที่ไม่ได้ทอนด้วยน่ะสิ แถมส่วนใหญ่ก็เน้นปัดขึ้นน่ะสิ (บางทีก็ไม่อยากปัดหรอก ไม่ได้ประทับใจบริการอะไรขนาดนั้น) สิ่งที่ทำให้ทึ่งที่สุดในการอยู่ในสังคมไทย คือความเห็นของผู้หลักผู้ใหญ่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องนี่แหละ โทร191ไม่ติด บอกคนโทรไม่ได้โทรมา มีบริการแท๊กซี่ที่ดีขึ้นไม่ยอมให้ประชาชนใช้ ให้อยู่กับระบบเดิมๆ ทั้งหมดแทนที่จะบอกว่าจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร จะแก้เรื่องเบอร์191ยัไง …
Civilization V เป็นเกมดังมาก…แต่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน จนกระทั่งมาเห็นโปรโมชั่นในSteam เลยลองซื้อมาเล่น พอลองเล่นแล้วรู้เลยว่าทำไมมันดัง มันเป็นเกมที่เล่นเพลินแท้ ยิ่งถ้าไม่มีธุระต้องทำอะไรต่อนะ กดเล่นไปเรื่อยๆๆๆๆ อย่างเพลิน หมดเวลาไปเป็นวันๆโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว Civilization Vเป็นเกมเกี่ยวกับอะไรล่ะ?
เนื่องจากกระแสหนังดังมาก แต่กระแสหนังสือว่าควรอ่านก่อนไปดูหนาแน่นมาก ว่าเป็นสิ่งที่ควรและควรทำก่อนเข้าไปดู เลยไปจัดการหามาอ่านซะ เตรียมพร้อมก่อนตีตั๋วเข้าไปดู ซึ่งพออ่านแล้วก็ได้แต่อุทานรัวๆว่า เรือหาย เรือหาย เรือหาย!!!!!!! สรุปเรื่องราวย่อๆคือนางเอกหายตัวไปในวันครบรอบแต่งงานปีที่ห้าและพระเอกกับตำรวจก็สืบสวนหานางนั่นแหละ แต่ความสนุกอยู่ระหว่างการดำเนินเรื่องเพื่อหาตัวนางไปเรื่อยๆ โดยเป็นการเล่าเรื่องผ่านมุมตัวละครนั้นๆ ซึ่งก็คืออีคู่ผัวเมียนั่นหละ (อุ๊ปส์ เผลออินไปหน่อย แต่ถ้าอ่านจบก็คงรู้สึกไม่ต่างกันล่ะนะ) โครงเรื่อง ทำได้ดีมากเลย น่าสนใจมากๆ มีการทิ้งปริศนาไว้เล็กน้อยตลอดทางในภาคแรก และเริ่มมาพีคสุด ตอนภาคสอง อารมณ์เหมือนปีนเขาไปเรื่อยๆจะถึงยอด (หนังสือแบ่งออกเป็นสามภาคในเล่มเดียว) บวกกับสำนวนการเขียน(แปล) ที่ทำได้ดีมากเลย อ่านไปแล้วก็ลุ้นไปเพลินมากๆ แม้สุดท้ายตอนจบภาคสามจะเป็นอารมณ์แบบขึ้นไปแล้วพบว่าเอ่อ……(ใครเคยอ่านซีรี่ย์ชุดเดอะริงมา ขอให้นึกถึงอารมณ์ตอนที่อ่านไปถึงภาคลูป…เคว้งคว้าง อย่างนั้นแหละ) แต่เพราะตอนจบแบบนี้แหละ ที่อาจจะทำให้หนังสือดังก็ได้ เพราะมันก็ไม่ใ่ชตอนจบที่จะเป็นไปไม่ได้เลย (แม้มันจะเหลือเชื่อไปหน่อย) แต่ก็ไม่ใช่จบสไตล์อเมริกันจ๋า แบบที่สุดโต่งไปเลย คือมันก็จบไปแบบเรียบๆนั่นหละ จบแบบที่เราคิดในใจว่า เออ เอางี้เลยน่ะ จะจบงี้เลยนะ อ่านจบแล้วพูดได้แค่ว่า สามีภรรยาคู่นี้นี่มันคู่แท้กันชัดๆ นิยามใหม่ของคำว่าเกิดมาเพื่อกันและกันเลยทีเดียว เรทความน่าอ่าน ดีงามเหมาะแก่การใช้เวลามาก
สารภาพว่าตอนเข้าไปดูนี่ไม่คิดอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันเรื่องเกี่ยวกับอะไรเนี่ย แต่พอดูไปเรื่อยๆ อ้อนี่มันหนังบู๊ขายพี่คีอานู รีฟส์นี่เอง หนังว่าด้วยชายผู้ซึ่งเมียตาย และถูกลูกมาเฟียรัสเซียขโมยรถและฆ่าหมาที่เมียทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าตาย และชายผู้นั้นลุกมาแก้แค้น แต่เผอิญชายคนนั้นเป็นนักฆ่าขั้นเทพนี่สิ อย่างนี้ไม่ถือว่าสปอยล์นะ เพราะทั้งเรื่องมันมีแค่นี้จริงๆ คือบทนี่เขียนมาเหมือนจะเป็นหนังตลกเลย เป็นหนังบู๊มาเฟียที่ไม่ได้ขายความซีเรียสเท่าไหร่ บางอย่างเขียนมาให้มันดูตลกแบบมาเฟียรัสเซียเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่กลัวอดีตลูกน้องอะไรงี้ ถือว่าไปดูเอาฉากบู๊เท่ๆในเรื่องเอา อยากรู้ว่าทำสำเร็จไหมต้องลองไปดูกัน สิ่งดีงามของหนังเรื่องนี้คือบู๊กันด้วยปืนในชุดสูท ซึ่งชอบมาก เพราะหนังมาเฟียส่วนมากชอบใส่แจ็กเก็ตหนังและเสื้อกล้ามขาวตีกันด้วยไม้และชกกัน คือดูแล้วรู้สึกเหมือนกระดูกจะหักตาม แต่หนังเรื่องนี้ไม่เลย ยิงกันจะจะ และพระเอกยิงได้ฉลาดมาก ไม่มีนะมายิงอก ยิงพลาดแล้วจะลุกขึ้นมาได้ พระเอกยิงหัวเกือบหมดเลย ก็แนวไล่ฆ่าไล่ถล่มกันทั้งเรื่องนั่นแหละ แต่คิวบู๊ดูแล้วมันส์มาก หลายจังหวะเท่มากชอบบบบ แต่ถ้าคาดหวังบู๊ล้างผลาญแบบไมเคิล เบย์ ระเบิดมันทุกอย่างหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์นะ คาดหวังการแสดงดราม่าเว่อวังอะไรนี่ไม่มีนะ เรทความน่าดู เป็นหนังที่เหมาะแก่การดูวันพุธ
บล็อกนี้เป็นตอนใหม่ที่จะเริ่มเขียนเพื่อจดคนในความทรงจำหลายๆคนลงมาจากสมอง ขอประเดิมด้วยลุงหมูปิ้งเป็นคนแรก !! …ไม่ใช่อะไรหรอก เขียนทิ้งไว้นานแล้วต่างหาก วันนี้ระหว่างทางเดินกลับบ้าน ใกล้ถึงสี่แยกประจำ ก็พาลนึกถึงบุคคลคนนึงขึ้นมา…ลุงหมูปิ้งตรงสี่แยก ลุงขายหมูปิ้งข้าวเหนียว ตับย่าง และเครื่องในสักอย่างย่าง(ไม่เคยซื้อกินเลย) ปิ้งบนเตาถ่าน แต่ไม่มีตะแกรงกั้นคราบเขม่าใดๆ ปิ้งๆรมควันกันไปนั่นล่ะ ลุงมีลักษณะของคนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำกินในกรุงเทพ ลุงมาขายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เหมือนกัน แต่จำความได้ก็พึ่งพาแกเป็นมื้อเย็นหลายครั้งอยู่ กิจการของลุงจะมาเริ่มตั้งแต่ช่วงเย็นๆ สี่ห้าโมงเป็นต้นไป จนถึงดึกดื่นเที่ยงคืนเลย สมัยนั้นลุงถือว่าผูกขาดตลาดกลางคืนเลยทีเดียว เพราะป้าร้านบะหมี่ก็ขายถึงแค่เย็นๆ แบ่งตลาดกันเรียบร้อย ลูกค้าขาประจำของลุงก็ยามแถวนั้น กินไป แกล้มเบียร์ไป เม้าท์กันไป จะมีหลุดเด็กน้อยไปซื้อบ้่างเป็นครั้งคราวช่วงห้าหกโมงเย็น เด็กที่หยุดซื้อเมื่อจับกลิ่นข้าวเหนียวได้ว่าลุงเอาของเก่ามาคลุกปนอีกและ แต่อีกอาทิตย์ก็กลับไปซื้ออยู่ดี จะว่ารสชาติอร่อยลืม ติดใจ ก็อาจจะใช่สำหรับสมัยนั้น ที่มีแค่ข้าวโรงเรียน อาหารตลาด บะหมี่ และหมูปิ้งร้านลุง อาจจะเป็นร้านหมูปิ้งเดียวที่กินก็ได้ หมูปิ้งของลุงเป็นหมูปิ้งผอมหยองกรอด คือสมัยนั้นจะเป็นหมูปิ้งความกว้าง ข้อครึ่งได้มั้ง เสียบไม้ปลายแหลม ขายไม้ละสามบาท สมัยที่ยี่สิบบาทซื้อหมูปิ้งได้เจ็ดไม้เลย รสชาติหวานๆ มีติดมันตรงโคนเล็กน้อย กินไปดูทีวีไป เพลินแท้ นอกจากหมูปิ้งแล้ว ลุงยังได้สอน?เป็นตัวอย่างให้เด็กน้อยคนนี้ถึงคำว่าเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน ไม่สิคนที่สอนคือ…เมียลุง ที่มาทะเลาะ?(ด่า)ลุงตรงสี่แยกที่ลุงขายหมูปิ้งนั่นละ (ลุงตอบโต้ไหม ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ไม่ได้ยินเสียงลุง …
ดราม่าช่อง3 จอดำ เราจะไม่ได้ดูคุณชายแล้ว!! โอเคร มันอาจจะเป็นละครที่เก่าไปหน่อย แต่เป็นเรื่องสุดท้ายที่อิชั้นดูแบบจริงจัง…ใช่แล้ว ชาวบ้านหลังเขาอย่างอิชั้นผู้ไม่นิยมดูทีวี (แถมที่บ้านรับช่อง7ไม่ได้ด้วย ทั้งๆที่เค้าดูกันได้ทั่วไทย) ผู้ซึ่งต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเผือกและทำความเข้าใจกับเหตุการณ์นี้และเพิ่งบังเกิดความเข้าใจในเรื่องระบบทีวีไทยเมื่อไม่นานมานี้เอง…เอาจริงๆคือวันนี้แหละ ฉะนั้นผิดอันใดผู้เชี่ยวชาญโปรดท้วงติง ทีวีดิจิตอลคืออะไร?? ก่อนจะเข้าสู่ดราม่าช่อง3 ต้องเข้าใจข้อมูลพื้นฐานประกอบสักเล็กน้อยก่อน (แต่ถ้าเข้าใจเรื่องระบบทีวีไทยอยู่แล้วข้ามผ่านเลย)
Tip#2 ว่าด้วยเรื่องการผสมลูกวิเศษ เมื่อเราได้ลูกวิเศษมาในครอบครองแล้ว ลูกวิเศษเหล่านั้นยังสามารถเอามารวมกันเพื่อก่อให้เกิดคุณสมบัติพิเศษยิ่งๆขึ้นไปอีกได้ เอาไว้ให้เราเลือกใช้ตามความเหมาะสม ซึ่งบางคนมารู้ว่าเอาไปผสมกันได้ก็ตอนด่านที่กำหนดคำสั่งนั้นแล้ว ซึ่งบางทีก็อาจจะช้าเกินไป แต่ยิ่งไปกว่านั้น คือข้อทริคเล็กๆในการผสมและผลลัพธ์ที่ได้ ซึ่งจะช่วยในการวางแผนการผ่านด่านได้มากขึ้น (โดยเฉพาะด่านทำลายพิซซ่า ที่ต้องเน้นการทำลายแบบกำหนดแนวเป็นพิเศษ)