ว่าด้วยสถานที่เที่ยวต่างๆด้านล่าง
ต่อมาจาก Jiuzhaigou|จิ่วไจ้โกว เที่ยวยังไงดี มีอะไรให้ดู อันนี้จะว่าด้วยสถานที่เที่ยวต่างๆด้านซ้าย ด้านซ้าย (Ze Cha Wa Valley) การจะไปเที่ยวทะเลสาบด้านซ้ายนี้จะต้องนั่งรถไปไกลมากกก กว่าจะถึง (18 กม.) ฉะนั้นถ้าจะไป เราจะแนะนำให้ไปเป็นที่แรกหรือที่สุดท้ายของวันไปเลย แล้วใช้เวลาตรงนั้นไป การไปตอนกลางวันบ่ายๆ เป็นอะไรที่แดดย้อนแสงมาก ยัดแฟลชลงไปให้หน้าสว่างกันจนแสบตาเลยทีเดียว ถ้าเรานั่งรถมาถึง ที่แรกที่เราจะได้ลงไปดูคือ Long Lake Long Lake Altitude 3,100m, length 5km, width 600m, area 93,000 sq.m. เป็นทะเลสาบอยู่สูงที่สุด มันใหญ่แบบสุดลูกหูลูกตามาก ที่ Long Lake ลงรถปุ๊ป ก้าวอีกสามสิบก้าว เราก็จะถึงเลย ตรงนี้ไม่มีที่ให้เดินมากนัก หรือมีแต่ไม่ค่อยมีคนเดินไม่รู้ เราเห็นทุกคนก็วนๆอยู่ตรงนั้นแหละ อย่าลืมถ่ายรูปที่ Long Lake ให้พอใจนะ เพราะรถจะไม่ย้อนมาส่ง ถ้าอยากมา ไม่เดินย้อนมาเอง (ซึ่งเหนื่อย) ก็ต้องลงไปที่ศูนย์นักท่องเที่ยวแล้วนั่งย้อนมาใหม่นะ การจะไปจุดต่อไป Five …
รวมระยะเวลาการเดินแบบไม่หนักไม่เบาเกินไปอยู่ประมาณ 9 วัน วิวสวยๆมีให้เห็นตลอดทาง วิวเหนื่อยๆก็มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ทริปนี้เป็นการเดินเทรคยาวๆครั้งแรกเลยก็ว่าได้ นอกจากการเตรียมตัวแล้ว เรายังได้เรียนรู้อะไรมากมายระหว่างการเดินทางในหลายๆรูปแบบ ซึ่งหลายๆเรื่องในทริปนี้จะเป็นหนึ่งในเรื่องที่จะไม่มีวันลืมเลย…
Jiuzhaigou|จิ่วไจ้โกว เที่ยวยังไงดี มีอะไรให้ดู
ดูนู่นดูนี่ด้วย2ขากับเวลา2วันในจิ่วไจ้โกว
Bromo-Kawah Ijien ทริปสั้นๆ 5 วัน 4 คืน ในอินโดนีเซีย ที่ทำให้การรอคอยมีความคุ้มค่า เก็บไว้ประทับใจได้ยาวๆ
รีวิวดอยลังกาหลวง เส้นทางเดินเขาที่ไม่เคยคิดจะไป แต่พอไปแล้วไม่เคยคิดจะลืม
จิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) คือ??? จิ่วไจ้โกว (หุบเขาเก้าหมู่บ้าน) ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านทิเบตจำนวนเก้าหมู่บ้าน จนกระทั่งรัฐบาลจีนเปลี่ยนมาเป็นอุทยานแห่งชาติ (ยังมีหมู่บ้านธิเบตเหลือให้เห็นในอุทยานเช่นกัน) อุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกวจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับคัดแล้วของจีน (AAAAA level) ฉะนั้นเรื่องความสวยงามอลังการไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนจะสวยงามอลังการมากหรือน้อย นั้นก็ขึ้นกับจังหวะที่ไปด้วยเช่นกัน เอาง่ายๆก็คืออุทยานธรรมชาติ เน้นท่องเที่ยวธรรมชาติ เดินป่า ชมใบไม้ ทะเลสาบ ซึ่งมีทะเลสาบที่สวยมากกกกก ส๊วยสวย สวยจริง สวยจัง ผสมกันไปหมด เอาเป็นว่าเลอค่า
สุดท้ายทริปนี้ เป็นทริปที่……….ไม่ได้มีการวางแผนอะไรเลย ลิสแค่ว่าจะไปไหนบ้างหรือใครแนะนำมาบ้าง แต่สถานที่พวกนั้นตั้งอยู่ไหนยังไม่รู้ หาเอาข้างหน้า ที่พักหาเอาดาบหน้า ตั๋วรถหาเอาดาบหน้า เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี ได้เรียนรู้ว่า อย่างน้อยๆจองที่พักไปเถอะ สักคืนหรือช่วงต่อเมืองก็ได้ เพราะการเดินหาที่พักตอนหกโมงเช้า หลังลงรถเบลอๆงงๆและนั่งตากลมเข้ามาในเมือง หรือการหาที่พักตอนแดดเปรี้ยงๆบ่ายๆนั้น ทำให้ความสามารถในการตัดสินใจแย่ลงพอสมควร เป็นทริปที่……….แผนที่มีค่าดั่งทองคำ และหาแผนที่ฟรีไม่ง่ายนะ (แต่ได้มาหลายอัน อิอิ) ได้เรียนรู้ว่าแผนที่เป็นตัวดึงดูดความช่วยเหลือที่ดีมาก ขอบคุณฝรั่งคนนั้นที่อุตส่าห์ปั่นจักรยานมาเพื่อชี้ทางสว่างให้ที่หลวงพระบาง และแผนที่ยังเป็นประตูแนะนำ (ผลักดัน?) ให้เราไปบลูลากูนที่วังเวียง โดยสาวเกาหลีที่เรายกแผนที่ให้ และความรู้สึกของการเดินตามแผนที่ หรือหาสถานที่ตามแผนที่นี่มันดีนะ ปะ? เป็นทริปที่……….นั่งรถยาวๆล้วนๆ ใช้ชีวิตบนถนนนานมากๆ นั่งหลับ นอนหลับ หลับแล้วหลับอีก ได้เรียนรู้ท่านอนที่เหมาะสม และการดำรงชีวิตบนรถบัสแบบจำศีลนิ่งๆ ประหยัดพลังงาน เพื่อลดการกินและการเข้าห้องน้ำในเส้นทางที่ค่าห้องน้ำเก็บแพงขึ้นๆเรื่อยๆทุกจุดที่จุดแวะ เป็นทริปที่……….ถนนโหดมาก โค้งแล้วโค้งอีก โค้งไปโค้งมาตลอดเวลา ก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมต้องทำให้โค้งขนาดนี้ (คือบางจุดมันโค้งติดๆกันจนน่าจะทำตรงไปนะ) ได้เรียนรู้ว่า ยาแก้เมารถนี่เริ่ดมาก แต่ถ้ากินไม่ทัน จะนอนยังไงให้หลับไปเร็วที่สุด