โอเคร มันอาจจะเป็นละครที่เก่าไปหน่อย แต่เป็นเรื่องสุดท้ายที่อิชั้นดูแบบจริงจัง…ใช่แล้ว ชาวบ้านหลังเขาอย่างอิชั้นผู้ไม่นิยมดูทีวี (แถมที่บ้านรับช่อง7ไม่ได้ด้วย ทั้งๆที่เค้าดูกันได้ทั่วไทย) ผู้ซึ่งต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเผือกและทำความเข้าใจกับเหตุการณ์นี้และเพิ่งบังเกิดความเข้าใจในเรื่องระบบทีวีไทยเมื่อไม่นานมานี้เอง…เอาจริงๆคือวันนี้แหละ ฉะนั้นผิดอันใดผู้เชี่ยวชาญโปรดท้วงติง
ทีวีดิจิตอลคืออะไร?? ก่อนจะเข้าสู่ดราม่าช่อง3 ต้องเข้าใจข้อมูลพื้นฐานประกอบสักเล็กน้อยก่อน (แต่ถ้าเข้าใจเรื่องระบบทีวีไทยอยู่แล้วข้ามผ่านเลย)
1.ระบบทีวีไทย
ประเทศไทยเราออกอากาศทีวีเมื่อนานมาแล้วด้วยระบบที่เรียกว่า “ระบบอนาล็อก” ให้เห็นภาพคือพวกทีวีเมื่อก่อนที่จะมีจุดซ่าๆบนจอ ถ้าหมุนเสาอากาศรับสัญญาณไม่ดี จนกระทั่งปัจจุบัน เทคโนโลยีเริ่มพัฒนามากขึ้นๆ และเราก็มีระบบใหม่มา นั่นคือ”ระบบดิจิตอล” ซึ่งจะมีความคมชัดที่มากขึ้น (บางความเห็นบอกว่าเป็นเพราะส่วนที่ไม่ชัดจุดขาวๆที่เค้าเรียกกันว่าสโนว์มันน้อยลง) ให้เห็นภาพคือซีรี่ย์เกาหลีนั่นแหละ ชัดเชียว
สิ่งที่ไม่เหมือนกันนอกจากความชัดแล้วยังมีเรื่องของการวิธีส่งข้อมูล(หมายถึงการส่งคลื่นและลักษณะข้อมูลที่ส่งออก) และอุปกรณ์รับสัญญาณ จะแตกต่างกัน รวมถึงระยะทางที่จะได้รับสัญญาณและช่องหน่วยความจำที่ใช้ในการแพร่ภาพ (ที่เค้าเรียกกันว่าแบนด์วิธ) ที่ระบบดิจิตอลจะทำได้ดีกว่าระบบอนาล็อก เอาง่ายๆคือมีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้แบนด์วิธน้อยลงได้ภาพที่ดีขึ้นทำนองนั้น
ฉะนั้น ระบบอนาล็อก และ ระบบดิจิตอล ไม่เหมือนกันนะฮะ
สนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.samartdigital.com/article/detail/7
2.ระบบการออกอากาศ
ดั้งเดิมสมัยก่อนเราใช้ระบบการออกอากาศ”ภาคพื้นดิน” คือใช้เสาส่งสัญญาณออกไป ทีนี้ด้วยความที่สมัยก่อนระบบอนาล็อกก็จะติดปัญหาว่าสัญญาณไม่แรงพอ หมุนเสาทีวีทุกทิศแล้วยังไงภาพก็ยังไม่ชัดซะที (เอาจริงส่วนตัวเคยจะต้องถือเสาแล้วยืนดูทีวีมาแล้วเลยเพื่อให้ภาพชัด)
ดังนั้นเลยเกิดระบบการออกอากาศอีกรูปแบบนึงขึ้นมานั่นคือการออกอากาศ”ผ่านดาวเทียม” เอาง่ายๆคือพวกติดจานติดกล่องนั่นแหละ
ฉะนั้นต่อให้อยู่ไกลโพ้น ก็จะดูได้ชัดเจน ฉะนั้นระบบการออกอากาศมี ภาคพื้นดิน และ ผ่านดาวเทียม เข้าใจตรงกันนะ
3.ระบบช่อง
ดั้งเดิมของไทยเราตั้งแต่สมัยระบบอนาล็อกก็มีการประมูลสัมปทานกันไป เราก็จะได้6 ช่องพื้นฐาน (3-5-7-9-11-itv อย่าถือสาจำได้แค่สมัยนั้นจริงๆ) มาให้ดูกันทั่วทุกครัวเรือนทั่วไทย ซึ่งพวกนี้จะเรียกกันว่า “ฟรีทีวี” ดูฟรีอะดูฟรี ดูที่ไหนก็ได้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เสียบเสาทีวีก็จะดูได้เลย
แต่เมื่อเวลาผ่านมาเรามีระบบการออกอาการผ่านดาวเทียมขึ้นมา ก็ทำให้เกิดช่องใหม่ๆขึ้นมาด้วยความที่ระบบดาวเทียมมันจัดอะไรได้มากกว่าการออกอากาศภาคพื้นดิน เกิดช่องที่เราเรียกว่า “ช่องดาวเทียม/ ช่องเคเบิ้ล” ง่ายๆคือต้องเสียเงินเพื่อดู ไม่ว่าจะเป็นการเสียค่าสมาชิกรายเดือนแบบทรู ที่ก็จะมีลิมิตอยู่ว่าจ่ายขนาดไหนดูอะไรได้บ้าง และรวมถึงเสียเงินซื้อกล่องมาติดด้วย คือติดกล่องก็ดูได้แล้วก็จะมีช่องของกล่องแถมมาด้วย
สรุปสถานการณ์ดั้งเดิมของทีวีไทย
ประเทศไทย นี้รักสงบของเราออกอากาศใน”ระบบอนาล็อก”มาตลอด ผ่านการออกอากาศสองระบบ คือพวกเสียบเสาทีวีรับสัญญาณเอา ขอเรียกว่าพวก”กลุ่มเสาก้างปลา” กับกลุ่มที่ดูผ่านดาวเทียม “พวกติดจาน” ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้จะดู”ฟรีทีวี” ได้เหมือนกัน(หกช่องพื้นฐานนั่นแหละ)แต่พวกติดจานจะดูช่องดาวเทียมได้มากกว่า
ซึ่งการที่พวกติดจานดูฟรีทีวีได้นั้นเพราะไปเกี่ยวเอาสัญญาณมาไว้ในกล่องของตนเอง จะว่าถูกไหมที่ทำแบบนี้ ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าถูก แต่ก็พูดว่าผิดไม่ได้ เพราะมันไม่มีกฎมาควบคุม เพราะสมัยที่การออกอากาศผ่านดาวเทียมถือกำเนิดขึ้นมา หน่วยงานที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลอย่าง กสทช.ยังไม่เกิดเลยจ้า (จริงๆถ้าพูดถึงหน่วยงานที่ดูแลเรื่องทีวี จะต้องเป็นกสท. แต่เพื่อความง่ายก็ขอเป็นกสทช.ล่ะกัน)
4.กสทช.
กสทช.เข้าใจง่ายๆว่าคือหน่วยงานที่ดูแลเรื่องคลื่นความถี่ของประเทศไทย ดูหมดทั้งวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ ใช่จ้า หน่วยงานเดียวกับสามจีที่เรารอคอยกันมาเนิ่นนานนั่นแล แต่ก็นั่นล่ะ เมื่อกสทช.ถือกำเนิดขึ้นมา และเทคโนโลยีที่พัฒนามาถึงจุดที่ประเทศไทยควรจะไปออกอากาศระบบดิจิตอลซะที (ระบบดิจิตอลย้อนกลับไปอ่านข้อ1)
ฉะนั้นกสทช. จึงจัดการประมูลช่องทีวีดิจิตอลเลย ซึ่งจะให้มาเป็นฟรีทีวีของไทยต่อไปแทนอนาล็อกเดิม ก็จัดประมูลไปอย่างเมามันส์ได้เงินมามหาศาล 50,000 ล้านบาทได้ พร้อมๆกับการผุดขึ้นมาของฟรีทีวีจาก 6 ช่องเป็น 24ช่อง
5.รายได้ของทีวี
อันนี้แถมเพิ่มเติมเพื่อให้สมบูรณ์ขึ้น ทีวีไทยนั้นอยู่ได้ด้วยเงินจาก “สปอนเซอร์/ค่าโฆษณา” เป็นหลักเลย ฉะนั้นช่องไหนทำรายการดีคนดูเยอะก็จะสามารถเรียกค่าโฆษณาได้แพง และค่าโฆษณานั้นคิดเป็น “นาที”ซึ่งทั้งหมดมีผลต่อกันและกันเป็นวงจรไป
ถ้าเงินดีเงินถึง รายการก็จะมีคุณภาพไปด้วยและโฆษณาก็จะยิ่งเข้าและยิ่งมีเงิน วนลูปไป แต่ถ้าเงินไม่ถึง รายการก็ต้องลดคุณภาพลง คนก็ไม่ชอบดู โฆษณาก็ไม่เข้า เงินก็ยิ่งน้อยไปอีก และรายการก็จะตายจากไปเอง ซึ่งช่องที่ไม่มีรายการน่าดูก็จะตายจากไปเองเช่นกัน (อันนี้ตามหลักทั่วๆไปนะ ไม่ใช่พวกอินดี้แบบทำรายการห่วยๆไร้สาระ แม้จะมีเงินเยอะเงินดีก็ตาม)
ก่อนจะเข้าถึงดราม่าช่อง 3 เราต้องมาพูดถึงสิ่งที่เรียกว่า “ทีวีดิจิตอล” กันก่อน (อย่าเพิ่งเบื่อ เพื่ออรรถรสของดราม่าช่องสาม ท่องไว้ๆ)
ซึ่งช่องดิจิตอลที่กสทช.เอามาให้ประมูลนั้นแบ่งได้เป็นสี่กลุ่มหลักๆ คือช่องHD (ความคมชัดระดับสูง เค้าว่าดูกีฬาจะมันส์ แต่ออกอากาศทั่วไปก็ได้) ช่อง SD (เอาไว้ออกรายการทั่วๆไป แบบไม่HD) ช่องเด็ก และช่องข่าว
ซึ่งผู้เข้าร่วมประมูลก็มากันหนาแน่น รวมถึงฟรีทีวีเดิมก็มาอย่างพร้อมเพียงกัน และแน่นอนว่าทุกคนมุ่งมั่นที่จะต้องประมูลให้ได้ เพราะสัมปททานเดิม(ระบบอนาล็อก)กำลังจะหมดลงและไม่มีการต่ออายุออกไปแน่นอน เพราะประเทศไทยจะเปลี่ยนไปออกอากาศระบบดิจิตอล (ของช่องสามเหลือสัมปทานระบบอนาล็อกอีกประมาณหกปี)
หลังจากที่ประมูลกันเสร็จสรรพ กวาดเงินไปมหาศาล ประเทศไทยก็เข้าสู่ช่วง”เปลี่ยนผ่าน” เป็นการย้ายจากระบบอนาล็อกมาระบบดิจิตอล ซึ่งทุกคนก็มีหน้าที่ต้องทำเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างเรียบร้อย ในระยะเวลาที่ตั้งเป้าหมายไว้ (น่าจะประมาณ5ปีหลังช่องดิจิตอลออกอากาศ)
เมื่อระบบการออกอากาศเปลี่ยนไป ผู้ชมจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง?
อย่างที่บอกไปในข้อ1ว่าทั้งสองระบบ(อนาล็อก-ดิจิตอล) นี้ใช้อุปกรณ์ไม่เหมือนกัน แต่ยังออกอากาศภาคพื้นดินเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อระบบเปลี่ยนไป การรับชมก็จะต้องเปลี่ยนไปเช่นกัน
ซึ่งการรับชมทีวี“ดิจิตอล”นั้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเต็มๆคือกลุ่มก้างปลาดั้งเดิม เพราะอุปกรณ์ไม่รองรับสักอย่าง เสาเดิมรับได้แต่อนาล็อก ซึ่งเป็นหน้าที่ของกสทช. ก็ต้องไปจัดการให้พวกเสาก้างปลาดูระบบดิจิตอลได้ (ปล.จำกลุ่มนี้ให้ดีๆนะ เพราะนี่คือกลุ่มที่ช่องสามอ้างว่าต้องดูแลรักษาไว้) ซึ่งการจะให้พวกก้างปลาดั้งเดิมดูทีวีดิจิตอลได้นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ 2 ทาง เพิ่มกล่องแปลงสัญญาณทีวีดิจิตอลมา หรือเปลี่ยนทีวีเป็นตัวที่สามารถรับสัญญาณทีวีดิจิตอลได้เลย(มีDVB-Tuner2)
โดยวิธีที่กสทช.ใช้ก็คือการแจกคูปองให้ไปซื้อกล่องมาติด(กล่องนี้คือกล่องดิจิตอลนะ ไม่ใช่กล่องดาวเทียม อย่าเหมารวมกัน) ส่วนตัวถ้าจะให้ดีน่าจะให้เป็นส่วนลดไปซื้อทีวีใหม่ ที่มีตัวแปลงDVB2-Tunerในตัว ก็จะสามารถเสียบเสาดูได้ดังเดิม แต่สรุปคือไม่ว่ายังไงกลุ่มนี้คือผู้ที่อดดูช่องดิจิตอลเต็มๆ … ซึ่งกลุ่มนี้เองไม่ได้เป็นสัดส่วนที่เยอะมาก (แต่อิชั้นอยู่ในกลุ่มนี้ ฮือ) แล้วเพราะอะไรถึงไม่ได้เป็นสัดส่วนที่เยอะมาก?
เพราะจากข้อ2 ด้วยความที่การออกอากาศผ่านดาวเทียมมันชัดกว่า คนเลยนิยมติดจานมากกว่า และพวกติดจานสามารถดูช่องดิจิตอลได้เลย (ทางเทคนิคคือประมาณว่าเอาสัญญาณมาได้เลย ไม่ต้องปรับอุปกรณ์ของคนดู แต่จะHDไหม นั่นขึ้นกับทีวีตั้งต้นด้วย)
โอเคร จบเรื่องผู้ชมไปแล้ว ทีนี้ย้ายมาที่ฝั่งผู้ออกอากาศกันบ้าง
แน่นอนว่ากสทช.นอกจากจะจัดประมูลทีวีดิจิตอลแล้ว ยังได้ออกกฎมาควบคุมพวกออกอากาศผ่านดาวเทียมด้วย ที่สำคัญๆนั่นคือ
1.“จำกัดการโฆษณาอยู่ที่6 นาทีต่อชั่วโมงสำหรับช่องดาวเทียม”
2.กำหนดให้”ฟรีทีวีอนาล็อกสิ้นสภาพความเป็นฟรีทีวีดิจิตอลด้วย ภายใน30วันหลังจากช่องดิจิตอลออกอากาศ”
หมายความว่าหกช่องพื้นฐานเดิมนั้นจะมาออกอากาศ”ผ่านดาวเทียม”ในฐานะฟรีทีวีอีกต่อไปไม่ได้ ฟรีทีวีต่อไปคือ24ช่องที่ประมูลกันไป ซึ่งหมายถึงว่าถ้าฟรีทีวีอนาล็อกเดิมจะออกอากาศผ่านดาวเทียมจะต้องอยู่ในฐานะ”ช่องดาวเทียม” และต้อง”ถูกจำกัดการโฆษณาอยู่ที่ 6 นาทีต่อชั่วโมง”
และกสทช.รู้อยู่แล้วว่าฐานคนดูฟรีทีวีอนาล็อกเดิมมีเยอะขนาดไหน เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านย้ายฐานคนดูไปสู่ฟรีทีวีดิจิตอลได้ง่ายขึ้นจึงมีกฎออกมากฎนึงเรียกว่า Must Carry (ชื่อเต็มๆข้ามไปซะยาวเหลือเกิน) เพื่อสนับสนุนการออกอากาศคู่ขนานสองระบบสำหรับช่องฟรีทีวีอนาล็อกแบบธุรกิจเดิม (ช่อง3-7-9 นั่นแหละ เพราะช่อง5-11-tpbs นั้นจัดอยู่ในฟรีทีวีเพื่อสาธารณะ)
ซึ่งหลักสำคัญของกฎนี้คือการเว้นให้ฟรีทีวีอนาล็อกสามารถโฆษณาได้12 นาทีต่อชั่วโมงเหมือนฟรีทีวีดิจิตอล เพื่อเป็นการปลดล็อกเงื่อนไขข้อ1 ที่ “จำกัดการโฆษณาอยู่ที่6 นาทีต่อชั่วโมงสำหรับช่องดาวเทียม”ที่เป็นผลมาจากเงื่อนไขข้อ2ที่กำหนดให้”ฟรีทีวีอนาล็อกสิ้นสภาพความเป็นฟรีทีวีดิจิตอลด้วย ภายใน30วันหลังจากช่องดิจิตอลออกอากาศ” …งงไหม? เอาล่ะมาอ่านแบบใจเย็นๆกันนะ
“ฟรีทีวี” โฆษณาได้ 12นาทีต่อชม. “ช่องดาวเทียม” โฆษณาได้ 6 นาทีต่อชม. หากยังจำกันได้ ฟรีทีวีอนาล็อกเดิม (หกช่อง) นั้นเป็นการออกอากาศ “ภาคพื้นดิน” การที่มันถูกเกี่ยวไปฉาย”ผ่านดาวเทียม” นั้นเพราะกฎตอนนั้นยังไม่ชัดเจน (ก็คนออกกฎมันยังไม่กำเนิดมาเลย) ฉะนั้นเมื่อ กสทช.กำเนิดมาแล้วก็มาจัดการทำให้ถูกต้อง กำหนดให้ฟรีทีวอนาล็อกสามารถแพร่ภาพได้แค่ “ภาคพื้นดิน” เท่านั้นอย่างที่มัน”ควรจะเป็น” ไม่ให้ลักไก่อีกต่อไปแล้ว
เพราะฟรีทีวีที่จะให้ฉายช่องดาวเทียมก็คือฟรีทีวีดิจิตอลที่จัดประมูลกันไป ฉะนั้นถ้าฟรีอนาล็อกจะมาฉายผ่านดาวเทียมก็จะฉายด้วยความเป็นช่องดาวเทียมแทน ดังนั้นต้องปรับเรื่องเวลาโฆษณาให้เป็นไปตามเกณฑ์ แต่!!! เพราะฐานคนดูเยอะ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่าน กสทช.จึงได้ออกกฎMust Carry มายกเว้นให้ ถ้าฟรีทีวีอนาล็อกยอมฉายแบบคู่ขนานสองระบบ ก็คือจะยอมหยวนว่าช่องฟรีทีวีอนาล็อกที่มาฉาย”ผ่านดาวเทียม”คือช่องฟรีทีวีดิจิตอล โฆษณาได้12นาทีดังเดิมนะจ้ะ
อ้าว แล้วปัญหาดราม่าช่อง 3 คืออะไร? (ซะที)
ปัญหาดราม่าของช่องสาม เกิดจากความหัวหมอ? ของช่องสามตั้งแต่เริ่มประมูล โดยใช้บริษัทในเครือเข้าไปประมูลช่องดิจิตอลมา ซึ่งเป็นคนละบริษัทกับช่องสามอนาล็อก…เพราะช่องสามอ้างว่าตนติดเงื่อนไขสัญญาสัมปทานกับอสมท. ที่สินทรัพย์จะกลายเป็นของอสมท.เมื่อหมดสัญญา จึงต้องเอาบริษัทอื่นไปประมูล เมื่อเอาบริษัทอื่นไปประมูล ช่องสามก็มีปัญหาต่อมาว่า ออกอากาศคู่ขนานไม่ได้ มันคนละบริษัทกัน….จบนี่คือปัญหาของช่องสาม แต่สิ่งที่ทำให้เป็นดราม่าคือความหน้าด้าน?ของช่องสามเอง
เรื่องเริ่มจาก ช่องสามบอกว่าเป็นคนละบริษัทออกอากาศคู่ขนานไม่ได้ ดังนั้นเมื่อออกอากาศคู่ขนานไม่ได้ก็จะไม่เข้ากฎMust Carry นั่นแปลว่าช่องสามอนาล็อกจะต้องตัดโฆษณาให้เข้าเงื่อนไขของการเป็นช่องดาวเทียมซะ คือ 6นาทีต่อชม. แต่ช่องสามก็ไม่ทำเพราะอย่างที่บอกไปโฆษณาคือรายได้ของช่อง
สิ่งที่ช่องสามทำคือ การดื้อแพ่งออกอากาศไปเรื่อยๆ เรียกว่าตีเนียนกินค่าโฆษณาไปเรื่อยๆ ทั้งช่องดิจิตอลและช่องอนาล็อกที่ลักไก่ฉายบนดาวเทียม ซึ่งกสทช.ก็จะเอาจริงและให้ผู้ให้บริการดาวเทียมถอดช่องสามออกไป…จนกว่าช่องสามอนาล็อกจะยอมตัดเวลาโฆษณาให้เหลือ 6 นาที
และโชคก็บังเกิดอยู่ข้างช่องสาม เมื่อมีการรัฐประหารเกิดขึ้น ตามคำสั่งคสช. ให้ฟรีทีวีทุกช่องทางต้องดูได้ ดังนั้นกสทช.ก็เลยยอมต่อเวลาให้ช่องสามอีก100วันก่อนเผาจริง ซึ่งเวลาก็ล่วงเลยผ่านมา และก็วนลูปมาเหมือนเดิมที่กสทช.จะเอาจริง…
โดยทางเลือกของช่อง3 มีอยู่ง่ายๆ 2 ทาง
1. ออกอากาศคู่ขนาน แต่แน่นอนว่า ช่องสามก็อ้างว่าทำไม่ได้ๆๆๆๆๆ เพราะติดขัดข้อสัญญา คนละบริษัทกัน และแน่นอนว่าถ้าเลือกวิธีนี้ จากที่มีอยู่4ช่อง ช่องสามจะเหลือทีวีแค่3ช่อง (เงินวูบลงไปเห็นๆ)
2.ยอมออกอากาศแยกกัน แล้วปรับช่องสามอนาล็อกให้เป็นช่องดาวเทียมซะ แล้วลดเวลาโฆษณาลงเหลือ6นาทีจาก12นาที แน่นอนว่าทางนี้ช่องสามก็ไม่เอาเพราะเป็นการลดรายได้ตัวเองลงง่ายๆครึ่งนึง
แต่กระนั้นเลย ช่องสามก็ปิ๊งไอเดียใหม่จากคอนเซ็ปต์โลกคือละคร ทุกคนต้องแสดง โดยเลือกแก้ปัญหาวิธีที่สามคือการแก้ปัญหาผ่านทางDrama Queenเป็นหลัก ประหนึ่งนางเอกโดนรังแก
เพราะแทนที่ช่องสามจะเดินหน้าแก้ไขข้อติดขัดที่ทำให้เลือกทางออกแรกไม่ได้ ช่องสามกลับเลือกที่จะให้ข้อมูลบางอย่าง และบิดเบือนว่าตัวเองจะต้องจอดำ ให้ข้อมูลผิดๆ เพื่อหลอกแฟนคลับผู้ภักดีให้สงสาร และไม่พยายามจะแก้ปัญหาใดๆ โดยโยนไปหมด
ตั้งแต่เป็นคนละบริษัทออกคู่ขนานไม่ได้ แม้จะสงสัยว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นทั้งสองบริษัทไขว้กันขนาดนี้ จะซื้อขายเนื้อหาอะไรกันไม่ได้เลยหรอ ทั้งที่ก็อยู่บริษัทเครือเดียวกัน แต่อันนี้เรายกประโยชน์ให้จำเลยล่ะกัน เพราะมันอาจจะติดทำไม่ได้จริงๆก็ได้
ไม่ก็ยกว่าติดเงื่อนไขกับอสมท. อสมท.ก็ออกมาบอกว่าช่องสามไม่เคยมาคุยเพื่อแก้ไข หรืออ้างคำสั่งคสช.เพื่ออกอากาศ ซึ่งคสช.ก็บอกว่าให้กสทช.จัดการ รวมไปถึงการฟ้องศาลปกครอง โดยบอกว่าคำสั่งกสทช.ไม่ชอบ และศาลก็ยกฟ้อง ไม่ให้ความคุ้มครองชั่วคราวมาแล้ว
จนถึงสุดท้ายให้ดาราผู้จัดในช่องออกมาพูดโดยอาศัยข้อมูลบิดเบือนต่อไป ยกไปถึงขนาดที่ว่าชาวบ้านชาวช่องยังไม่มีดิจิตอลเลย ช่องสามจะย้ายไปได้ไง ช่องสามรักคนดู (จ้ะ) เอาละเรามาดูช่องสามรักคนดูขนาดไหนกันดีกว่า?
ช่องสามบอกว่ารักคนดู ห่วงคนดูที่รักที่ดูดิจิตอลไม่ได้ กลุ่มนี้ก็คือพวกเสาก้างปลานั่นเอง ซึ่งกลุ่มนี้นั้นอาศัยการออกอากาศภาคพื้นดินนะจ้ะ คำสั่งกสทช.คือให้หลุดจากดาวเทียมเพราะไม่ยอมทำตามเกณฑ์เรื่องเวลาโฆษณา (กสทช.ไม่ได้บังคับให้ออกคู่ขนาน มันเป็นสิทธิของช่องสามเอง) ฉะนั้นช่องสามจะอยู่ไม่อยู่ดาวเทียม พวกก้างปลายังดูได้ปกติสุขเลยเชียว
ส่วนกลุ่มคนดูดาวเทียมที่ช่องสามรักเหมือนกัน ก็อาจจะต้องอดดูไป แต่แสงรำไรของคนกลุ่มนี้คือการออกคู่ขนาน แต่อนิจจา ช่องสามบอกว่าไม่สามารถทำได้ ติดขัดข้อสัญญากฏหมาย (ที่ทุกฝ่ายออกมาบอกว่าช่องสามไม่เคยมาพูดคุยเพื่อแก้ไขเลย)
อืมมม ช่องสามรักคนดูจริงๆนั่นแหละ ถึงได้เลือกเดินทางแบบนี้…รักมากจริงๆ (แต่อาจจะน้อยกว่าเงินค่าโฆษณาล่ะนะ)
เรียกได้ว่านาทีนี้ช่องสามสู้แบบหมาบ้าเรียกความสมเพชจากคนในสังคมได้เป็นจำนวนมาก แสดงอัตลักษณ์ขององค์กรที่เห็นแก่ผลกำไรเป็นหลัก และพร้อมจะใช้สารพัดวิธี เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุด อ้างนู่นนี่นั่นมากมาย พร้อมจะบิดเบือนข้อมูลและใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน
ส่วนตัวมองว่าช่องสามเดินเกมพลาดมาก แทนที่จะยอมเปลี่ยนผ่านไปด้วยกันดีๆ แมนๆ กลับเลือกยื้อเพียงเพื่อจะเก็บเม็ดเงินค่าโฆษณาและฟาดงวงฟาดงาไปหมด โดยลืมนึกไปว่าช่วงเวลาที่เสียไป คนเค้าก็ไปเริ่มดูช่องอื่น ติดรายการช่องอื่นได้เหมือนกัน
บางทีสังคมก็มีคำถามง่ายๆเพียงแค่ว่าทำไมช่อง7ทำได้ไม่ติดปัญหาอะไรเลยนะ?
สุดท้ายแล้วสังคมก็รู้กันอยู่ดีว่า ช่องสามคือนางร้ายแอ๊บแบ๊วต่างหาก แบร่ๆๆ
ปล.แล้วเมื่อไหร่อิชั้นจะได้คูปองเนี่ย อิชั้นกลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ช่องสามอนาล็อกไปเลย(เพราะข้ามไปดูดิจิตอลไม่ได้ แง้)
ขอบคุณรูปภาพอ้างอิงประกอบบทความจาก
http://www.samartdigital.com/article/detail/7
http://bcp.nbtc.go.th/knowledge/list/114
http://bcp.nbtc.go.th/knowledge/detail/265
http://www.consumerthai.org/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2873:2013-06-17-15-30-46&catid=99:2009-10-14-13-10-54&Itemid=122
http://www.digitalandnetwork.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538847884&Ntype=10
http://km.most.go.th/content/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B5
http://www.positioningmag.com/content/%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A1-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-3-vs-%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0%B8%8A-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%95-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A5