ระยะทางรวมเกือบ 2,700 กิโลเมตร กับระยะเวลา 10 วัน !!!!!
จากความคิดอยากนั่งรถตะลุยเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้แผนแรกที่จะทะลุลาวและเวียดนาม หลวงพระบางออกเวียดนามจะต้องพับไป เพราะค่าเครื่องบินโหดเหลือหลาย (หลวงพระบาง-ฮานอยเท่าที่เปิดๆมาก็หกพันบาท…..บินสามสิบนาทีเอง สะเทือนใจมาก เพราะตั้งใจว่าทั้งทริปจะใช้เงินไม่เกินหมื่นบาท (เว่อร์ไปหน่อย แต่กดงบให้ต่ำไว้ จะได้บานไม่มาก ฮ่าๆ)แต่จะให้นั่งรถก็ไม่ไหว เพราะใช้เวลาอย่างน้อยๆสองวัน ไม่ว่าจะออกทางหลวงพระบาง ที่ว่าทางโหดและรถทรมาน หรือนั่งย้อนมาขึ้นจากเวียงจันทน์ก็ตาม จึงนำมาซึ่งทริปนั่งรถเที่ยวในลาวล่ะกัน
และก็เป็นเส้นทางแปลก(? ) คือจริงๆไม่ค่อยเห็นมีคนไปเท่าไหร่ เท่าที่เปิดๆดูมา คือส่วนมากคนจะไปลาวแค่ 3-5วัน2-4คืน หรือไม่ก็แยกไปลาวเหนือ-ลาวใต้ แต่เราไปคราวนี้ก็ลากให้คุ้มเลย ไม่ใช่เหนือจรดใต้ด้วย แต่เป็นการย้อนศรขึ้นไปเรื่อยๆ จึงนำมาซึ่งทริปนั่งรถเที่ยวลาว ที่ทำให้ได้ประสบการณ์ ความทรงจำ และได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างดี
การวางแผนการเดินทาง…..ไม่มี (ฮ่าๆ) ทริปนี้เป็นความตั้งใจว่าจะไปแบบไม่มีแผน ทุกอย่างหาเอาดาบหน้า ลองไปเสี่ยงดวงดู ฉะนั้นอาจจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับการวางแผน หรือประวัติความเป็นมาอะไรไม่ได้เท่าไหร่ การวางแผนการเดินทางเลยชิวๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย ทำแค่เปิดๆดูว่ามีรถวิ่งตามเส้นทางที่จะไปหรือไม่ จดเวลาไว้คร่าวๆ ราคาดูแต่ไม่ได้จำ อาศัยกะประมาณๆเอา แล้วก็ลิสสถานที่เที่ยวเท่านั้น ว่าเค้าไปไหนกันบ้าง
แล้วก็หาข้อมูลทั่วไป สภาพอากาศ เห็นเค้าว่ากันว่าหนาว เลยรีบยัดเสื้อหนาวไปด้วยหลายแบบเลย (จากประสบการณ์เก่าก่อน ถ้าว่ากันว่าหนาว เราจะเตรียมแบบระวังภัยไปมากๆ เพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีจากการเจอสภาพอากาศหนาว ฮ่าๆ เสื้อหนาวตัวใหญ่ เสื้อกันลม เสื้อหนาวธรรมดา ผ้าคลุม ที่ใส่มือ) ซึ่งพบว่ามัน…..ไม่ได้หนาวขนาดนั้น เอาไปหนักกระเป๋าเลย ฮ่าๆ หาข้อมูลไฟฟ้า หัวปลั๊กที่ใช้ (เจอหัวแปลกๆจี๊ดมาแล้ว ต้องระวังไว้) ปลั๊กก็เป็นแบบเดียวกับไทย สบายเลย เอาไปแค่ปลั๊กพ่วงเผื่อชาร์จเยอะพอ
สรุปการเดินทาง
*****วันที่0/ ออกเดินทางจากกรุงเทพ ไปลาวผ่านทางด่านช่องเม็ก *****
นั่งรถบัส บขส กรุงเทพ-ปากเซ ไปที่ด่านช่องเม็ก รถออกสามทุ่ม ใช้เวลาประมาณ 10 ชม.ในการไปถึงปากเซ เป็นรถบัสนั่งทั่วไป แต่เบาะกว้างนิดนึง
การเดินทางเข้าลาวจากฝั่งไทยทำได้หลายทางมากๆ มีหลายวิธีสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งเรือ (ผ่านมาทางเชียงรายเข้าหลวงพระบาง) หรือจะนั่งรถ ผ่านด่านหนองคายเข้าเวียงจันทน์ หรือผ่านด่านเลย(อ.ท่าลี่) เข้าหลวงพระบาง หรือผ่านด่านอุบลราชธานี(ช่องเม็ก)เข้าปากเซ อยู่ที่ว่าจะเริ่มทริปจากทางไหน
ค่าผ่านด่าน 100บาท (ไม่มีใบเสร็จ)
*****วันที่1/ มาถึงปากเซ ตะลุยน้ำตก*****
ออกเดินทางไปน้ำตกดังสามที่(ตาดฟาน/ตาดเยื้อง/ตาดผาส้วม) อีกที่คนขับรถแถมมาให้ เป็นน้ำตกเล็กๆ ทางไปน้ำตกสี่แห่งนี้จะอยู่ใกล้กัน (ยกเว้นตาดผาส้วมที่เหมือนจะขับมาอีกทาง แต่ไม่ไกลมาก) ถ้าออกเช้าจะสามารถต่อไปยังเมืองปากซอง ไปเที่ยวไร่กาแฟได้ (เราไปไม่ทัน)นอกจากนี้เวลาเอารถเข้าจะเสียค่าผ่านทางของรถด้วย
ตาดอีตู้(20บาท/5000kip)
ตาดฟาน(5000kip+car park 5000kip)
ตาดเยื้อง(10000kip+car park 5000kip)
ตาดผาส้วม(5000kip+car park 5000kip)
*****วันที่2/ ไปคอนพะเพ็ง-หลี่ผี-ดอนเดด*****
วันนี้ออกเช้า แปดโมง นั่งรถไกลหน่อย ประมาณเกือบสามชม. ไปคอนพะเพ็ง แล้วนั่งรถต่อไปที่ท่าเรือน่ากะสัง เพื่อนั่งเรือข้ามไปที่ดอนเดด 20000kip และเช่าจักรยาน 10000kip ปั่นไปที่น้ำตกหลี่ผี
ด้วยความที่ไม่ได้หาข้อมูลมาเลย จึงพึ่งรู้ตรงนั้นว่า หลี่ผีอยู่ที่ดอนเดด และดอนเดดคือดอนกลางแม่น้ำโขง ตัวดอนเดดไม่มีอะไร แต่มีกิจกรรมบนดอนเดด (ชมโลมา น้ำตกหลี่ผี และอื่นๆ) การเดินทางบนดอนเดดนอกจากเช่าจักรยานก็เหมารถไปได้ 180,000kip ไปที่น้ำตกหลี่ผี(ไม่แน่ใจว่ารวมไปที่อื่นๆหรือป่าว เพราะสยองราคาเลยไม่ได้ถามต่อ)
คอนพะเพ็ง (30000kip)
หลี่ผี-ดอนเดด (25000kip)
*****วันที่3/ ไปวัดพู -วัดพูสเลา(วัดเขา)-รถนอนไปเวียงจันทน์*****
วันนี้ออกเช้าเพื่อไปหาซื้อตั๋วรถไปเวียงจันทน์ และเดินเหมารถตู้ไปวัดพูได้มาตรงวงเวียน ราคา1500บาท(ไม่รวมค่าทาง คือทางไปวัดพูเป็นถนนสร้างใหม่โดยเอกชน ดังนั้นจะมีการเก็บค่าผ่านทาง200บาท/50000kip) ไปถึงวัดพูจะมีตั๋วให้เลือกสองแบบ คือแบบเดิน35000kip/แบบนั่งรถกอล์ฟ 50000kip เราเลือกแบบเดิน เพื่อความประหยัด ฮ่าๆ
จากนั้นก็นั่งรถมอไซต์ไปที่วัดพูสเลา เป็นวัดที่อยู่ตรงสะพานมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น เป็นวัดที่มีพระองค์ใหญ่ๆอยู่ด้านบน (ถ้าไปวัดพู จะเห็นได้ตอนข้ามสะพานไปแล้ว ให้ดูทางซ้าย พระองค์ใหญ่ๆบนนั้น) ปีนเหนื่อยมาก บันไดทางขึ้นที่เห็นว่าสูงและเพียบแล้ว บันไดที่ไม่เห็นนี่สูงและเพียบกว่า เหมือนว่าจะนั่งรถขึ้นไปได้ แต่ไม่รู้ว่าต้องขึ้นทางไหน เพราะมอเตอร์ไซต์ที่จ้างมาแค่มาส่งเฉยๆ แต่เห็นมีรถชาวบ้านขับขึ้นมา เลยคิดว่าน่าจะขึ้นได้
ท่ารถที่ซื้อตั๋วรถนอน มีให้เลือกหลายบริษัทมากๆ ประมาณหกแห่งได้ แล้วแต่จะซื้อแต่รู้สึกราคาจะเท่ากัน(ถ้าฝากโรงแรมจองอาจจะมีบวกหน่อย แต่ก็สบายดี เพราะท่ารถอยู่ไกลพอควร ถ้าไม่ได้เดินมาหรือพักแถวนี้ นั่งรถมาซื้ออาจจะไม่คุ้มมาก) รถนอนเป็นแบบรถนอนเลย ไม่มีที่นั่ง เป็นล็อกๆให้นอนเลย ล็อกละสองคนอยู่สองข้าง ตรงกลางเป็นทางเดิน มีหมอนผ้าห่มให้ (ถ้าคิดมากก็ติดผ้าไปสักผืนปูหมอนก็ได้)
วัดพู (แบบเดิน35000kip)
รถนอนไปเวียงจันทน์ 170000kip
*****วันที่4/ เวียงจันทน์วันเดย์ *****
มาถึงตอนเช้าประมาณหกโมง รถมาส่งแถวน้ำพุ (อารมณ์เหมือนสยามเซ็นเตอร์เป็นศูนย์กลาง) เดินเบลอๆหาที่พักแล้วนั่งรถตุ๊กตุ๊กๆไปพระธาตุหลวง (ไกลที่พักไปหน่อยถ้าจะเดิน) แล้วนั่งรถต่อมาที่ประตูชัย (ขึ้นข้างบนได้ แต่เสียเงิน เราไม่ได้ขึ้น)
แล้วก็เดินๆต่อมาที่ตลาดเช้า (อารมณ์เหมือแพลตตินั่มแต่คนและของน้อยกว่าเยอะ และเหมือนจะเป็นของที่หาซื้อที่ไทยได้) โฉบแปปและเดินต่อไปที่หอพระแก้วและพิพิธภัณฑ์ วัดสีสะเกด(อยู่ตรงข้ามกัน) ไปลาวกินข้าวให้ตรงเวลากับคนลาว เพราะพักเที่ยงคือปิดประตูเลย ไม่ให้เข้า เราไม่รู้เลยแกร่วๆแล้วค่อยหาข้าวกิน จากนั้นก็เดินๆผ่านวัดศรีเมือง (มีพระมรกตตั้งอยู่ข้างในด้วย) และมีอนุสาวรีย์เจ้าศรีสว่างวงศ์อยู่ข้างๆวัด
และเดินต่อไปถึงCOPE Visitor Centre (สถานที่เที่ยวอันดับหนึ่งของเวียงจันทน์ ในTripadvisor) เป็นนิทรรศการที่บอกเล่าเรื่องราวของระเบิดที่ถูกทิ้งปูพรมระหว่างช่วงสงครามเย็น ที่ยังอยู่ในลาว ที่ยังอยู่กับคนลาว (ลาวเป็นประเทศที่มีปริมาณระเบิดเทียบกับประชากรสูงสุดในโลก) มีสารคดีให้ดู บอกเรื่องราวการทำอวัยวะเทียม
กลับที่พักและไปเดินถนนเจ้าฟ้างุมและตลาดกลางคืน (เหมือนตลาดนัดบ้านเรา ของฝากราคาถูกมาก (แม่เหล็กที่ระลึก) ร้านแลกเงินข้างร้านฮอทด็อกเป็นร้านที่ให้เรทเงินดีที่สุดในทริปนี้ 1บาท/246kip
พระธาตุหลวง(5000kip)
หอพระแก้ว(5000kip)
พิพิธภัณฑ์ วัดสีสะเกด(5000kip)
*****วันที่5/ เดินเล่นที่วังเวียง*****
นั่งรถออกจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบาง ใช้เวลาประมารสามถึงสี่ชม. เป็นรถแบบมินิบัส ซื้อตั๋วโดยการจองกับที่พัก และมีรถตุ๊กตุ๊กไปส่งที่ท่ารถ พยายามถามให้แน่และตามตลอดจะได้ไม่เกิดการส่งผิดท่ารถ (หรืออาจจะซวยแค่ที่พักที่เราจองก็ได้) นอกจากรถนักท่องเที่ยวแล้ว จะมีท่ารถตรงตลาดเช้าไปที่วังเวียงด้วย ก็รอไปเรื่อยๆกำหนดเวลาไม่ได้ แต่คิดว่าน่าจะเต็มราวๆเที่ยงที่พักในวังเวียงถ้าได้อยากติดน้ำควรจะจองไปล่วงหน้า แต่ถ้าไม่อะไรมากเดินหาก็ได้ มีหลายที่อยู่ และจบวันด้วยการเดินรอบๆเมือง และเดินไปถ้ำและจุดชมวิว (แต่ไม่ได้ขึ้นเพราะเก็บเงินและคิดว่าขึ้นไปน่าจะโดนภูเขาใหญ่ด้านหลังบังวิวหมด)
รถไปวังเวียง (70000kip)
*****วันที่6/ ทัวร์วังเวียง*****
ไปกับวันเดย์ทัวร์ที่ซื้อมาเมื่อวาน เป็นทัวร์มาตรฐานของวังเวียง เริ่มด้วยการไปลอยห่วงยางในถ้ำน้ำ และเดินไปไหว้พระที่ถ้ำช้าง แล้วพายเรือคายัคล่องแม่น้ำมาเป็นระยะทางแปดกิโลเมตร มาถึงวังเวียงประมาณ 3.30-4.00pm ถ้าอยากล่องแม่น้ำโดยไม่ต้องพายเรือ ยังมีบริการเรือให้นั่งชมวิวด้วย (ราคาไม่แน่ใจ) และการไปลอยห่วงยางชิวๆในแม่น้ำด้วย (ราคาไม่แน่ใจ)
พอเสร็จทัวร์ตอนเย็นก็เหมารถไปที่ถ้ำพูคัมและบลูลากูน ราคาประมาณ150000kip นั่งรถไปไกลพอสมควรประมาณสามสิบนาทีได้ (แต่จะปั่นจักรยานหรือเช่ารถเครื่องหรือเช่ารถเอทีวีขับไปก็ได้) ทางฝุ่นฟุ้งมาก ควรจะมีผ้าปิดปากปิดหน้าเป็นอย่างยิ่ง
บลูลากูนคือสระน้ำอยู่หน้าถ้ำพูคัมให้คนลงไปเล่น มีขั้นให้กระโดดลงสระอยู่สองขั้น และชิงช้า และเชือกห้อยโหนให้เล่น อยากดูสเตปเทพให้ไปตอนเย็นๆดูเจ้าถิ่นโดดน้ำ (ตีลังกาหลังลงมาเลย)
ถ้ำพูคัม จะมีพระนอนอยู่ด้านใน ปีนขึ้นเพื่อเข้าถ้สูงพอสมควร เหนื่อยหน่อย และปีนลงไปในถ้ำเพื่อเข้าไปดูพระพุทธรูปนอน แนะนำให้ติดไฟฉายไป และจะเดินลุยเข้าไปในถ้ำด้านในก็ได้ เป็นถ้ำตัน ทางเดิน….แบบหาเอาเอง มีลูกศรบอกเป็นระยะแรกๆ ที่เหลือก็เดินตามใจไปเท่าที่จะไปได้ มีหลุมและป้ายเตือนอันตรายที่บอกไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ต้องดูดีๆ
ทัวร์วังเวียง (90000kip)
ถ้ำพูคัม (10000kip)
*****วันที่7/ เดินเล่นที่หลวงพระบาง*****
นั่งรถจากวังเวียงตอนเช้า ไปหลวงพระบาง เป็นเวลาประมาณหกชม.ได้ ทางคดเคี้ยวสุดๆ แนะนำให้กินยาแก้เมาไม่ก็รีบๆนอน ทางสวยดีนะ ถ้าทนเมารถไวจะดูก็ได้ แต่ไม่ดูก็ไม่เป็นไรมาก ไปถึงหลวงพระบางบ่ายๆก็เดินหาที่พัก และก็ออกไปเดินเล่นชมเมือง
รถไปหลวงพระบาง (100000kip)
*****วันที่8/ หลวงพระบางวันเดย์ *****
วันนี้เที่ยวในเมือง เดินไปที่Wat May Souvannapoumaram เป็นที่แรกแต่เหมือนติดงานทำบุญตรุษจีนอยู่เลยไม่ได้เข้าไปดู (ค่าเข้าประมาณ20000kip) และเดินต่อไปที่พิพิธภัณฑ์ และเดินต่อไปที่Wat Chumkhong/Wat Xieng Mouane ที่อยู่ในซอยข้างๆ (ไม่รู้ว่าเราไปตอนเที่ยงเลยไม่เปิดให้เข้าหรือป่าว เลยดูอยู่แต่รอบนอก)
และไปเช่าจักรยานมาปั่นต่อไปที่Wat Sene/Wat Pakkhan/Wat Xieng Thong อยู่ใกล้ๆกัน และปั่นไปเลียบแม่น้ำโขงเพื่อย้อนไปวัดWat Visoun(มีค่าเข้าประมาณ20000kip) /Wat Aham(ปิดซ่อม) สองวัดนี้อยู่ติดกันเลย แม้ในแผนที่เหมือนจะห่างกัน แต่คืออยู่ติดเดินทะลุได้)จากนั้นไปขึ้นพระธาตุพูสีรอพระอาทิตย์ตก ถ้าอยากได้ที่ดีๆ ต้องรีบไปตากแดดหน่อย ถ้าไปช้าคนจะเยอะมาก และเอาจักรยานไปคืนและเดินหาอะไรกิน
National Museum (30000kip)
Wat Xieng Thong(20000kip)
Wat Phousi(20000kip)
*****วันที่9/ ถ้ำติ่ง-Kwangsi Waterfall *****
วันนี้ไปทัวร์วันเดย์ที่ซื้อไว้ 130000kip หรือก็คือซื้อรถพาไปทั้งสองที่นั่นละ เริ่มที่แรกคือถ้ำติ่ง ต้องไปนั่งเรือเป็นเวลาเกือบชม.เพื่อไปที่ถ้ำ (เรือถ้าซื้อตั๋วเองราคา65000kip แต่อาจจะต้องไปเช้านิดนึง เพื่อให้เวลาเหลือพอไปน้ำตกตอนบ่าย) ถ้ำติ่งมีสองชั้น ชั้นแรกเดินขึ้นไปไม่สูงมาก และชั้นสองเดินขึ้นไปสูงหน่อย (และภายในถ้ำมืด ควรจะมีไฟฉายบ้าง แต่ไม่มืดเท่าถ้ำพูคัม) อยู่ที่ถ้ำประมาณสี่สิบนาทีและนั่งเรือกลับมาหาข้าวทาน
ตอนบ่ายโมงครึ่งนั่งรถไปที่น้ำตก (รถไปที่น้ำตกหาไม่ยากเลย ราคาเหมา250000kip หรือราคาตั๋วตุ๊กตุ๊กได้ยินว่า 40000kip หรือรถตู้ 50000kip การหารถไป จะมาเดินหาตอนเช้าที่ตลาดมืดก็ได้ จะมีรถจอดอยู๋หลายคัน ขอแชร์ไปก็ได้ หรือจะมาจ้างเหมาไปก็ได้ หรือจะเดินหาจากบริษัททัวร์แถวนั้นก็ได้ ส่วนมากรถจะมีรอบ9.30 11.30 13.30 หรือแล้วแต่ตกลง)
นั่งรถไปประมาณชม.นิดๆ ก็ไปถึง ด้านหน้าก่อนเดินเข้าน้ำตกมีร้านอาหารเพียบ พอเข้าไปจะมีศูนย์อนักษ์หมีให้ดูก่อนและพอเดินไปเรื่อยๆจะเจอน้ำตก น้ำตกมีจุดให้ลงเล่นประมาณสองชั้น ที่เหลือก็เป็นน้ำตกสวยๆให้เดินดู มีทางtrekkingด้วย (แต่ไม่ได้เดินไป) เราเดินเลียบน้ำตกไต่ขึ้นไปเรื่อยๆแทน เดินชม จนห้าโมงก็นั่งรถกลับ
ถ้ำติ่ง (20000kip)
Kwangsi Waterfall (20000kip)
*****วันที่10/ นั่งรถกลับเลยและกรุงเทพ *****
วันนี้ออกแต่เช้าเพื่อไปขึ้นรถตุ๊กตุ๊กมาที่ท่ารถ โดยซื้อตั๋วรถไว้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงกับบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ราคา210000kip รวมไปส่งที่ท่ารถ ถือว่าคุ้มพอสมควรเลย เพราะราคาตั๋วอยู่ที่180000kip ราคารถเหมามาเท่าที่ได้ยินมามีตั้งแต่20000-50000kipแล้วแต่ตกลง แต่ท่ารถห่างตัวเมืองพอสมควร ไม่แนะนำให้นั่งรถมาซื้อตั๋ว (ยกเว้นจะมาลงรถที่นี่)
ทางกลับคดเคี้ยวพอสมควร รถเป็นรถบัสขนาดใหญ่ แต่ที่นั่งไม่กว้างมาก รอบรถคือ 8.00am (แต่บางบริษัททัวร์บอก7.00-7.30) รถออกจริงๆ8.30 รถจากฝั่งลาวจะมีคูปองอาหารให้ด้วย (เห็นว่าถ้ามาจากฝั่งไทยจะไม่มี ไม่รู้จริงไหม) รถจะจอดให้ทานอาหารตามสั่งแล้วออกเดินทางต่อ รถใช้เวลาประมาณเกือบเก้าชม.มาถึงบขส.จังหวัดเลย ค่าผ่านด่านฝั่งลาววันอาทิตย์ราคา40บาท
งบประมาณที่ใช้ทั้งหมด 13,700 บาท เกินที่คาดไปประมาณ 3,000 บาท