Tip#1 ว่าด้วยเรื่องลูกวิเศษ ลูกวิเศษคืออะไร??? พูดง่ายๆคือตัวช่วยที่จะทำให้เราผ่านด่านง่ายขึ้นนั่นแหละ ฮ่าๆ ลูกวิเศษมีหลากหลายแบบมาก ถามว่ารู้ได้ไง??…ดูอินโทรก่อนด่าน1ช่วยท่านได้ เอาจริงๆว่าหลายคนอาจจะไม่ได้สนใจอินโทรตอนเริ่มเกมมากนัก เลยทำให้มองข้ามไปว่าลูกวิเศษทั้งหลายเกิดมาได้อย่างไร พอเล่นๆไป เลยคิดว่ามันเป็นดวงไปซะอย่างนั้น (ตึ่งงงงง) พอไปถึงด่านหลังๆที่ต้องการการลักษณะเฉพาะบางอย่างของลูกวิเศษมาช่วยในการผ่านด่านจึงเกิดอาการติดกัน เพราะไม่รู้จะทำให้เกิดลูกวิเศษนั้นได้ไง หรือเกิดมาแล้วแต่ใช้ไม่เหมาะสมก็เสียโอกาสกันไป ในที่นี้จึงจะมาขอพูดถึงเฉพาะลูกวิเศษที่เราสร้างสรรค์ได้ด้วยตัวเองเท่านั้น
The Fault In Our Stars…Okay… หนังดีมากกกกก คืออินมากกก หนังเล่าเรื่องของเฮเซลสาวน้อยที่เป็นมะเร็งปอดและไปพบรักกับเจ้าหนุ่มวอเตอร์สผู้เอาชนะมะเร็งด้วยการตัดขาออกไป และทั้งคู่ตั้งใจออกตามหานักเขียนคนโปรด หนังเล่าเรื่องราวความรักของทั้งคู่ผ่านเรื่องราวตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน เริ่มตกหลุมรักและถอยห่างและเข้ามาคู่กัน พร้อมตอนจบสุดเศร้า เป็นพล็อตหนังที่พลิกไปจากที่อ่านเรื่องย่อไว้ เรียกว่าไม่ได้เตรียมใจมากับตอนจบแบบนี้ ทำให้ยิ่งรู้สึกเศร้ามากๆ บทหนังเรียบง่ายแต่กินใจและไม่เวิ่นเว้อในส่วนของเรื่องอาการป่วย คือชอบตรงที่ไม่ได้ดราม่าเรื่องอาการป่วยและฟูมฟาย ไม่ได้มาแบบที่ว่าต้องมีหวัง ต้องหาย ต้องรอด แต่คือทุกคนเข้าใจและยอมรับมัน ยอมรับความที่ต้องพรากจากกัน และนำเสนอออกมาในแง่มุมที่สวยงามระหว่างกัน พร้อมบทพูดที่เรียกน้ำตามากๆ ยิ่งค่อยๆซึมค่อยๆอินไปเรื่อยๆ พอมาถึงจุดพีคนี่ก็อื้ออหือเศร้าซะ แต่มันเป็นการมาถึงจุดพีคแบบค่อยๆไต่ คือไม่ได้ไปถึงยอดแต่อยู่ใกล้สุดและค่อยๆคงระดับไปเรื่อยๆจนจบ ซึ่งแบบนี้ยิ่งทำให้อินและอารมณ์คงอยู่นานมากๆ (ข้างๆนี่ร้องไห้ไม่หยุดเลยทีเดียวแทบจะยื่นทิชชู่ให้) พระเอกเล่นดีมาก เสียงมีชีวิตชีวาแสดงอารมณ์มากๆ พระเอกอาจจะไม้หล่อมาก แต่จากบทและการแสดงแล้ว อื้อหืออ ดูดีขึ้นมา70%เลยทีเดียว The fault in our star เป็นหนังสวยงามที่ดูเพลินดูแล้วอินมาก ดูแล้วอยากไปซื้อหนังสือมาอ่านเลย แต่ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการดูเพื่อผ่อนคลายตลกเฮฮา เพราะมันจะอินและฝังหัวมากๆ สิ่งที่ชอบเป็นพิเศษในเรื่องคือเสียงพระเอกตอนเรียกนางเอก และรอยยิ้มพระเอก สดใสมาก ไม่รู้เชียร์ตอนนี้จะช้าไปไหม แต่ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะไปแลกันนะ
สุดท้ายทริปนี้ เป็นทริปที่……….ไม่ได้มีการวางแผนอะไรเลย ลิสแค่ว่าจะไปไหนบ้างหรือใครแนะนำมาบ้าง แต่สถานที่พวกนั้นตั้งอยู่ไหนยังไม่รู้ หาเอาข้างหน้า ที่พักหาเอาดาบหน้า ตั๋วรถหาเอาดาบหน้า เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี ได้เรียนรู้ว่า อย่างน้อยๆจองที่พักไปเถอะ สักคืนหรือช่วงต่อเมืองก็ได้ เพราะการเดินหาที่พักตอนหกโมงเช้า หลังลงรถเบลอๆงงๆและนั่งตากลมเข้ามาในเมือง หรือการหาที่พักตอนแดดเปรี้ยงๆบ่ายๆนั้น ทำให้ความสามารถในการตัดสินใจแย่ลงพอสมควร เป็นทริปที่……….แผนที่มีค่าดั่งทองคำ และหาแผนที่ฟรีไม่ง่ายนะ (แต่ได้มาหลายอัน อิอิ) ได้เรียนรู้ว่าแผนที่เป็นตัวดึงดูดความช่วยเหลือที่ดีมาก ขอบคุณฝรั่งคนนั้นที่อุตส่าห์ปั่นจักรยานมาเพื่อชี้ทางสว่างให้ที่หลวงพระบาง และแผนที่ยังเป็นประตูแนะนำ (ผลักดัน?) ให้เราไปบลูลากูนที่วังเวียง โดยสาวเกาหลีที่เรายกแผนที่ให้ และความรู้สึกของการเดินตามแผนที่ หรือหาสถานที่ตามแผนที่นี่มันดีนะ ปะ? เป็นทริปที่……….นั่งรถยาวๆล้วนๆ ใช้ชีวิตบนถนนนานมากๆ นั่งหลับ นอนหลับ หลับแล้วหลับอีก ได้เรียนรู้ท่านอนที่เหมาะสม และการดำรงชีวิตบนรถบัสแบบจำศีลนิ่งๆ ประหยัดพลังงาน เพื่อลดการกินและการเข้าห้องน้ำในเส้นทางที่ค่าห้องน้ำเก็บแพงขึ้นๆเรื่อยๆทุกจุดที่จุดแวะ เป็นทริปที่……….ถนนโหดมาก โค้งแล้วโค้งอีก โค้งไปโค้งมาตลอดเวลา ก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมต้องทำให้โค้งขนาดนี้ (คือบางจุดมันโค้งติดๆกันจนน่าจะทำตรงไปนะ) ได้เรียนรู้ว่า ยาแก้เมารถนี่เริ่ดมาก แต่ถ้ากินไม่ทัน จะนอนยังไงให้หลับไปเร็วที่สุด
Laos Bottoms Up! นั่งรถเมื่อยก้นตะลุยลาว 2,700 km in 10 Days : เก็บตกเล็กๆน้อยๆระหว่างทาง (Ch.13/14)
นอกเรื่อง#1 ไปถึงลาววันแรก ยังไม่รู้สึกเลยว่าได้มาต่างบ้านต่างเมืองแล้ว เพราะว่าที่ลาวนั้น เราสามารถพูดภาษาไทยได้ (เราสามารถเข้าใจภาษาลาวได้ อาจจะไม่ทั้งหมด แต่พอเข้าใจได้) เราสามารถหาซื้อสินค้าและขนมและของใช้ไทยได้ทั้งหมด ของลาวเองมีน้อยมาก ร้านของชำข้างทางของลาว ไม่รู้ว่าที่นี่เป็นคนง่ายๆหรือป่าว แต่เค้าไม่แคร์ฝุ่นที่เกาะติดสินค้าเลยสักนิด แม้มันจะทำให้ดูเก่าหรือไม่น่าซื้อ เราเองไม่แน่ใจว่าฝุ่นเกาะหรือว่าไม่มีใครซื้อมานานมากแล้ว และก็เป็ปซี่ลาว ส่วนตัวกลายเป็นโรคจิตอย่างนึงที่ชอบไปมองหาโค้กกับเป็ปซี่ในประเทศต่างๆ ว่าที่ไหนใครมีเยอะ ที่ลาวเป็ปซี่มาแรงมากๆ โค้กหาค่อนข้างยากหน่อย แต่ยังพอหาได้ อาหารแปลกประจำวัน…..รังผึ้ง!!!!!
*****วันที่10/2-02-2014 นั่งรถกลับเลยและกรุงเทพ ***** วันนี้เรารีบตื่นแต่เช้า เพื่อออกไปดูพิธีตักบาตรก่อนที่รถตุ๊กตุ๊กจะมารับ (มาตั้งหลายวัน เพิ่งจะคิดออกไปดูได้วันกลับ = =) แต่ว่าพลาดไม่ได้เห็น เราก็รีบกลับมาที่พัก เพราะถึงเวลานัดรถตุ๊กตุ๊กแล้ว
*****วันที่9/1-02-2014 ถ้ำติ่ง /Kwangsi Waterfall ***** วันนี้เราตื่นไม่เช้ามาก แวะกินโจ๊กคัพที่ซื้อมาเมื่อวาน แล้วก็เดินไปที่หน้าบริษัททัวร์ ที่ซื้อวันเดย์ทัวร์ไว้ โดยพนักงานพาเราออกเดินไปที่ท่าเรือ เพื่อขึ้นเรือไปที่ถ้ำติ่งถ้าไม่ไปกับทัวร์ สามารถมาซื้อตั๋วเองได้ราคา65000kip แต่อาจจะต้องไปเช้านิดนึง เพื่อให้เวลาเหลือพอไปน้ำตกตอนบ่าย
ละคอนถาปัดจุฬา 57 “Sherlock Holmes” To where it all began ความรู้สึกหลังดูจบ…..เออก็ดีแหะ เป็นละคอนที่ได้มาดูโดยไม่ตั้งใจ และก็มาแบบไม่คาดหวังอะไรเท่าไหร่เคยดูมาหลายครั้งรู้สึกตันกับละคอนถาปัดจุฬาแล้วในระดับนึงจากชอบ จนเดาทาได้และไม่ชอบเท่าไหร่ มาคราวนี้ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร (ซึ่งเป็นสิ่งที่คนมาดูควรทำเป็นอย่างยิ่ง) บท….. มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางใหม่ๆ จากการเน้นเรื่องรักตัวเอกชายหญิง แต่มาปรับเป็นเรื่องของการสืบสวน อ้างอิงจากนิยายดังอย่่างเชอร์ล็อก โฮมส์มา โดยรวมๆก็ถือว่าดีดูไม่น่าเบื่อมาก และเป็นสิ่งที่ชอบที่มีการฉีกแนวใหม่ๆออกไปบ้าง
*****วันที่8/31-01-2014 หลวงพระบางวันเดย์ Wat May Souvannapoumaram/National Museum /Wat Chumkhong/Wat Xieng Mouane/Wat Sene/Wat Pakkhan/Wat Xieng Thong/Wat Visoun/Wat Aham/Wat Phousi***** วันนี้ตัดสินใจเที่ยวในเมือง ยกให้เป็นหลวงพระบางเดย์เดิน(เส้นเขียว) ปั้นจักรยานชมวัด (เส้นน้ำเงิน) และปั่นจักรยานรอบเมือง (เส้นแดง) โดยมาเริ่มที่!!!Tourist Office เพื่อเข้าไปเอาแผนที่ก่อน = =” และจัดการมาร์กจุดที่จะแวะไปของวันนี้ ในศุนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวนั่นหละ จากนั้นเดินมาเติมพลังฝั่งตรงข้าม (เล็งมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตอนเดินกลับที่พัก) วันนี้เลยมาลองบัคเกตต์(อีกที)
Laos Bottoms Up! นั่งรถเมื่อยก้นตะลุยลาว 2,700 km in 10 Days วันที่ 7 : มุ่งสู่หลวงพระบาง! (Ch.9/14)
*****วันที่7/30-01-2014 นั่งรถไปหลวงพระบาง และเดินเล่น***** เราตื่นมารอขึ้นรถไปหลวงพระบางตั้งแต่เช้าพอควร โดยก่อนออกเราก็ไม่ลืมแวะไปหาอะไรทาน เพื่อจะได้ทานยาแก้เมารถได้ (ทางที่นี่ขึ้นชื่อมาก) วันนี้ก็ยังขอลองพยายามกับเฝอลาวอีกสักรอบ พร้อมนั่งชมวิววังเวียงยามเช้า ทางไปหลวงพระบางโหดอย่างที่คาดคิดจริงๆ คดเคี้ยวในระดับที่รู้สึกว่ายาแก้เมารถที่กินเมื่อเช้าน่าจะเอาไม่อยู่เลยทีเดียว
สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล ดีเหมือนเดิม แต่ไม่ชอบเหมือนเดิม….. หลังจากเพิ่งเล่นไปไม่นานมาก คุณบอยก็เอาสี่แผ่นดินกลับมารีสเตจอีกครั้ง ในความรู้สึกส่วนตัว ว่าเร็วมากและเร็วเกินไปที่จะเอาละครเวทีที่เพิ่งเล่นเป็นร้อยรอบ คนยังไม่ทันลืมยังไม่ทันคิดถึงเอากลับมาเล่นใหม่อีกแล้ว แถมแคสเดิมเกือบหมด เรียกได้ว่า บทแม่พลอยของนกสินจัย และคุณเปรมของกันคงจะผูกติดไปกับทั้งสองคนไปตลอดล่ะ เหมือนช่วงที่ผ่านมาแค่พักเบรกเท่านั้น และก็กลับมาเล่นต่อกัน ด้วยความที่แคสเดิมเกือบหมด เพลงอะไรก็คงเดิม เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมากตอนไปดู แม้จะซื้อบัตรตั้งแต่รอบแรกๆที่เปิดแสดงก็ตาม ฮ่าๆ ถ้าดูจากการเอากลับมาทำใหม่รอบนี้ ยากมากนะที่จะพูดถึงสี่แผ่นดินแล้วจะไม่แตะเรื่องการเมืองเลย(แต่ก็ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะไม่แตะ พยายามตัดทิ้งไปเกือบหมดนะ) เพราะแกนหลักของเรื่องก็น่าจะเป็นเรื่องนี้ละนะ เป็นการเปลี่ยนผ่านที่เกิดขึ้น จะให้ไปเน้นสนใจแต่เรื่องรักกุ๊กกิ๊กของคุณเปรมกับแม่พลอยวัยสาวอย่างเดียว ก็คงสร้างออกมาได้แค่องก์แรกเท่านั้น เข้าใจว่าทำเพื่อขายความบันเทิงเลยไม่เน้นเรื่องพาทการเมืองเท่าไหร่ เลยทำให้บทอ่อนแรงตรงจุดยืนและเหตุผลของทั้งสองฝ่ายพอๆกัน ส่วนตัวแล้วสี่แผ่นดินเวอร์ชั่นนี้เป็นสี่แผ่นดินที่มีความเป็นโมเดิร์นมากขึ้น หลายๆอย่างที่เกือบเหมือนเดิม แต่ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม บริบทรอบตัวเปลี่ยนไปคนดูก็ไปผ่านอะไรมามากขึ้นเหมือนกัน การจะดูแล้วจะได้ความรู้สึกแบบเดิมคงเป็นเรื่องยาก ถ้าดูไม่คิดอะไรก็คงชอบ แต่ถ้าคิดไปรอบๆก็คงพูดว่าชอบได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ “แล้วผมทำผิดตรงไหน?”