ก่อนเราจะได้ดูหนังเรื่องนี้ Amy Winehouse เป็นนักร้องเสียงดีขี้เมา ติดยา เสเพล ชอบปาร์ตี้ในสายตาของเรา ที่รับรู้ผ่านสื่อต่างๆ หลังจากดูหนังเรื่องนี้เธอเป็นนักร้องเสียงดี ที่”บังเอิญ”ติดเหล้า ติดยา และอยู่ผิดที่ไปหน่อย
แต่ที่เรารู้สึกได้คือ Amy Winehouse เธอเกิดมาเพื่อให้โลกจำจริงๆ โลกจะจดจำผลงานเพลงของเธอ ไม่ก็ชื่อเสียงพฤติกรรมสำมะเลเทเมาของเธอที่เป็นชื่อกระฉ่อนลือชาเหลือเกิน แต่โลกนี้จะต้องจำได้ว่า Amy Winehouse เคยมีชีวิตอยู่…และยังมีชีวิตอยู่ผ่านเพลงของเธอ ทำไมนะเหรอ…ก็เพราะเพลงของAmy Winehouse ก็คือชีวิตของAmy Winehouse!!!
เวลาเราฟังเพลงใดๆก็ตามสิ่งแรกที่จะติดหูเราคือทำนอง แต่สิ่งที่จะทำให้เราติดหัวจำได้ คือความรู้สึกร่วมไปกับเพลงนั้น ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกตอนช่วงเวลานั้น หรือความหมายของเพลงนั้น แต่เค้าว่าเราจะอินกับเพลงใดได้ เราต้องเข้าใจมัน และนั่นคือสิ่งที่สารคดีเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมาก ทำให้เราเข้าใจเธอและเพลงของเธอมากขึ้น เพราะ Amy กับเพลงของเธอมันคือเรื่องเดียวกัน
เราไม่เคยฟังเพลงของAmy Winehouse แล้วรู้สึกอะไรไปมากกว่าเพลงเพราะ ทำนองติดหู เสียงมีเอกลักษณ์นะ แต่หลังจากดูหนังเรื่องนี้ ครั้งหน้าที่ได้ฟังเสียงของเธอ เราคงรู้สึกต่างไปจากเดิมแล้ว
Amy Winehouse เป็นสารคดีว่าด้วยชีวิตของนักร้องเพลงแจ๊ส เจ้าของเพลงดัง(ที่เราชอบ) อย่าง Rehab เป็นหนังที่ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะดู หรือได้ดู เพราะด้วยความที่มันเป็นหนังสารคดี ฉะนั้นตามสูตรตลาดหนังบ้านเรามันจะไม่สามารถหาดูได้ง่ายๆแน่นอน นำเข้ามาให้ชมโดย Documentary Club (ซึ่งเราชอบและประทับใจมาหลายเรื่อง ถ้ามีโอกาสก็จะขอดูหนังนำเข้าโดยเจ้านี้อีกเรื่อยๆ) แต่โชคก็ยังบันดาลเข้าข้าง ให้ได้กลับมากรุงเทพในช่วงที่ Amy ฉายพอดี (บุญตาลูกช้างจริงๆ)
หนังเล่าเรื่องด้วยโฮมวีดีโอล้วนๆ (แซมภาพคอนเสิร์ต รายการทีวีบ้างเล็กน้อย) ซึ่งคนรอบตัวเธอพ่อ เพื่อน ผู้จัดการ ล้วนชอบถ่ายอย่างไม่น่าเชื่อ มีหลายช็อตเยอะมากจริงๆ ตั้งแต่ก่อนเข้าวงการเลยทีเดียว
หนังเล่าเรื่องราวชีวิตของเอมี ตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ จนเธอเข้าวงการมาได้อย่างไร และเส้นทางของเธอไปยังไง เกิดอะไรขึ้นบ้างในชีวิตของเธอ ผ่านจุดชีวิตมึนงงสับสนมาก็หลายครั้ง จนถึงจุดจบของเธอ โดยมีเพลงที่เธอแต่งเพื่อสะท้อนเรื่องราวในช่วงนั้นๆ เป็นฉากประกอบ ไม่นับว่าสปอยล์เนอะ เพราะเราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง แต่มีอีกหลายเรื่องที่เราไม่เคยรู้เช่นกัน
สิ่งที่ชอบคือ หนังเรื่องนี้ทำได้ดีมากๆ ในแง่ที่ทำให้เรารู้จักAmy Winehouse มากขึ้น มากกว่าที่เคยรู้จักผ่านข่าวค(ร)าวต่างๆของเธอ แต่ที่ชอบมากกว่าคือ มันทำให้เราเข้าใจเพลงที่เธอแต่งเพื่อสื่อเรื่องราวในชีวิตของเธอในช่วงนั้นๆ เธอรู้สึกอะไรอยู่
เราเคยชินกับภาพ Amy Winehouse ที่กรีดอายไลเนอร์หนา ดำปื้ด (ซึ่งบางช่วงในหนังก็สงสัยอยู่ว่าเธอเอาเวลาที่ไหนไปกรีด) หนังเรื่องนี้เป็นโอกาสดีมากที่เราจะได้เห็นเธอในมุมใสๆ มุมที่จะ หือ?? (อารมณ์แปลกใจแบบเอ๊ะ เหมือนตอนที่รู้ว่าเลดี้ กาก้าเคยเป็นนักร้องในโบสถ์ทำนองนั้น) เธอมีมุมใสๆ เวลาได้เจอศิลปินในดวงใจเช่นกัน
ทำให้เราได้รู้ว่า แม้เธอจะดูแรง ดูวีน ดูเหวี่ยง แต่เธอเป็นคนที่อ่อนไหวและต้องการที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจมากๆ เป็นคนที่”อิน” กับความรู้สึกมากๆ โดยเฉพาะความรัก ซึ่งจะว่าเป็นปมที่พาเธอลงไปสุดได้หลายๆอย่าง เธอเชิดชูคนรักมาก หรือจริงๆคือความรักความผูกพันมากๆ ในระดับที่เรารู้สึกว่าเธอยอมทำเรื่องบ้าๆโง่ๆ ไร้สติ เจ็บปวด มากกว่ายอมให้คนที่เธอรักในชีวิตหายไป
สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกได้ ระหว่างดูหนังเรื่องนี้คือ ความสดใส และความสุขในชีวิตเธอมันค่อยๆหายไป จนกระทั่งความสุขในการร้องเพลงมันหายไปจากเธอแล้ว ฉากคอนเสิร์ตที่เธอไม่ยอมร้องมันเป้นอะไรที่สะอึกเหมือนกัน เพราะเรารู้ทั้งเรื่อง ว่าดนตรีคือความสุข การปลดปล่อยของเธอ แต่เธอไม่อยากร้องเพลงแล้ว?!
เธอโชคดีที่ได้เพื่อนที่ดี คนที่รักและห่วงใยเธอ แต่เธอก็โชคร้ายที่มีคนที่ไม่ช่วยเหลือเธอเลยในยามที่เธอควรต้องได้รับการช่วยเหลือ และที่โชคร้ายที่สุดคือ เธอดันไปอยู่ใกล้ชิดกับกลุ่มหลังมากกว่ากลุ่มแรกนี่สิ
เราคงจัดเธอให้เป็นนักร้องที่มีโชค ได้รับพรในเรื่องเสียงเพลง แต่อับโชคและต้องคำสาปในเรื่องชีวิตที่เธอต้องเจอ
หลังจากเราดูจบแล้วก็มีความสงสัยอย่างนึง ว่าทำไมนักร้องดังๆ มีชื่อเสียงมีพรที่ได้รับมา ส่วนใหญ่มักเจอปัญหาเรื่องยาเสพติดกันจัง เพราะความกดดัน และความคาดหวังจนกดดันตัวเองจนต้องหาทางออกหรือเปล่า?
เรทความน่าดู : นิยามสั้นๆ คือ การต้องพลาดหนังดีๆ นั้นเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้เราเสียใจที่ไม่ได้อยู่กรุงเทพตลอดเวลา…แต่อย่างน้อย การที่เราไม่พลาดเรื่องนี้ก็ลดทอนความเสียใจไปได้ ถ้าคุณเป็นแฟนเพลง Amy Winehouse คุณจะต้องรักหนังเรื่องนี้ ถึงแม้คุณไม่ใช่แฟนเพลงนาง คุณจะได้เข้าทำความเข้าใจโลกของนาง สรุปคือ เลอค่าแก่การดูสุด จงไปดู จงไปดู จงไปดู!!!
