โหมโรง เดอะ มิวสิคัล คือ ยิ่งกว่าดีงาม

DSC02880

ไปดูแบบไม่ได้คาดหวังอะไรมากเลย เพราะเวิร์คพอยท์ก็ถือเป็นหน้าใหม่ในวงการละครเวทีสำหรับเรา เราไม่เคยดูผลงานที่ผ่านมาเลย (ก็มันไม่มี) เรื่องนี้เลยไปแบบบัตรถูกสุด นั่งชั้นบนสุด เกือบติดเพดานเลย ดูจบแล้วก็คิดได้อย่างเดียว น่าจะยอมทุ่มเงินซื้อบัตรแพงแหะ เพราะมันดีงามมากจริงๆ ไม่มีส่วนไหนที่ทำให้รู้สึกไม่คุ้มค่า หรือเสียเวลาเลย

(เกือบ)ทุกอย่างคือดีและลงตัว(มีจุดติดนิดนึง แต่นี้ดดดดดมากจริงๆ ไม่ทำให้เสียอารมณ์เลย) ถ้าใครเคยดูWhiplash แล้วทึ่งกับฉากตีกลองของพระเอกตอนสุดท้าย ถ้ามาดูเรื่องนี้จะได้ทึ่งกับการตีระนาดของทั้งศร และขุนอินเช่นเดียวกัน แต่ดีกว่าWhiplashตรงที่มันคือการเล่นสด เล่นจริงๆ บอกเลยว่าลุ้นมาก (และ90% ของผู้ชมในฉากนี้ ชะโงกหน้ามาดู และเกร็งลุ้นมาก)

ฉากประชันกันระหว่าง ศรและขุนอิน มันคือที่สุดของความดีงาม ดีขนาดที่ว่า ต่อให้ทั้งเรื่องเล่นกันแย่ บทอ่อนแอแต่ได้ดูฉากประชันกันนี่ก็เรียกว่าเกินคุ้มแล้ว แต่ปรากฎว่ามันไม่ใช่! เพราะอย่างอื่นก็ดีงามเหมือนกัน มันเลยทำให้ละครเวทีเรื่องนี้คือยิ่งกว่าดีงามไปมาก

เนื้อเรื่อง บท และตัวละคร

เนื้อเรื่องที่ดัดแปลงมาจากหนังเรื่องโหมโรง ที่ดัดแปลงมาจากประวัติของหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ระนาดเอกแห่งอัมพวาาาาา (ร้องก้องๆกังวาล อารมณ์ใหญ่ๆหน่อย) ผู้มีความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก จนกระทั่งได้เจอขุนอิน ระนาดมือหนึ่งในแผ่นดิน….ซึ่งเรืองทั้งหมด ไปหาดูได้ในหนังหรือจะให้ดี ก็ไปดูที่โหมโรง เดอะมิวสิคัลเลยก็ได้ มันไม่ได้แปลกใหม่หรืออะไรเลยกับส่วนนี้ ซึ่งในส่วนเนื้อเรื่องและบทนั้นแข็งแรงและดีอยู่แล้ว

ตัวละครก็มาแบบมีที่มาที่ไปและไม่ได้ตีความมาให้เรารู้สึกสะดุดเท่าไหร่ และสิ่งที่ดีอีกอย่างคือเราเห็นพัฒนาการของตัวละครศร (ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วสินะ) ชอบที่ความยะโสของศรหายไปตอนท้ายมาก ดูเป็นคนอ่อนน้อมมาก

คือทั้งหมดนี่ ทำให้ทีมงานมีวัตถุดิบชั้นดีในการเอามาทำครบถ้วนเลย เหลือก็แค่ฝีมือจะเอาปรุง ซึ่งก็ปรุงอร่อยซะด้วยสิ แถมมีการเพิ่มความตลกเข้ามาไม่น้อยซะด้วย ตลกแบบละครเวที(และออกจะคาเฟ่ไปบางครั้ง) ถ้าจะให้นึกถึงก็มุกแบบละคอนสถาปัตย์นั่นแหละ(แบบลื่นและเนียนกว่า) แต่ความไม่ได้ทำลายอรรถรสหรือบรรยากาศเรื่องนะ

การเรียบเรียง

การเรียบเรียงการนำเสนอแบบตัดฉากสลับไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบันนั้นดูมาเรื่อยๆก็ยังเฉยๆ คือมันก็ดีแหละ อารมณ์ของเรื่องดูแล้วก็ต่อเนื่องกันไป จะมีสะดุดนิดหน่อย (แต่เพราะเพลงมากกว่าการตัดฉากสลับ) คือมันไม่มีอารมณ์แบบ เอ้ะ อะไรยังไงนะ เพียงแต่ดูตอนแรกๆ มันยังไม่รู้สึกเชื่อมโยงอะไรกันเท่าไหร่ (ยิ่่งฉากกับแม่โชตินี่คือแว้บมากจริงๆ ยังไม่ทันจะจิ้นเล้ยยยย บทน้อยนิดมากจริงๆ ออกมาร้องแค่สองฉากเอง ทั้งที่นางเสียงใสดีงามมาก)

แต่มันมาดีที่สุดตอนท้ายหลังจากการประชัน แล้วตัดมาที่ท่านครูพยายามรักษาระนาดและดนตรีไทยไว้ คือมันแบบดีมาก มันเป็นการเรียบเรียงที่ทำให้พลังมากมายจากตอนประชันที่เหลือมาถึงฉากสมัยท่านครู ค่อยๆแผ่ว แล้วค่อยๆจบลงอย่างนุ่นนวล คือมันไปตามอารมณ์ของเรื่องเลย ส่วนตัวชอบตรงนี้มันทำดีมาก คือท่านครูสุขุมนุ่มลึกใจเย็น (ซึ่งมันเริ่มมาตั้งแต่เสียงระนาดสมัยศรที่ลดความตึงและดุดันแข็งกร้าวลงมาก่อนหน้านี้แล้ว)

สิ่งที่ดีงามอีกอย่างคือพอเล่นตลกไปแล้วก็สามารถดึงโทนให้กลับมาจริงจังได้ในเวลาที่ต้องการซะด้วย เรียกว่ากำหนดอารมณ์ที่จะให้ผู้ชมรู้สึกได้ทั้งเรื่อง และทำได้ถึงเสียด้วย ซึ่งตรงนี้คือไม่รู้จะต้องชมใครน่ะสิ คนเขียนบท ผู้กำกับ หรือนักแสดง แต่ขอเอามาไว้ในส่วนนี้ล่ะกัน เพราะถ้าเรียบเรียงไม่ดี คงไม่สามารถกำหนดอารมณ์ได้แบบนี้

ฉากแสงสีและการนำเสนอ

นี่คือสิ่งหนึ่งที่ละครเวทีเรื่องนี้ทำได้ดีมากกกกกกกกกกกกกกกกเป็นการทำน้อยได้มากจริงๆ

ฉากเว่อร์วังอลังการนั้นมีน้อยมาก แต่ฉากที่มีน้อยนิดนั้นกลับใช้ประโยชน์ได้สูงมหาศาลมาก ยิ่งมารวมกับการใช้เวทีหมุนได้ดีแบบ ดีมากกกกจริงๆ ใช้ประโยชน์ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนหมุนเอาฉากออกมา แต่ใช้การหมุนเล่าเรื่องให้มันเดินทางไปด้วยนี่สิ คือชอบมาก ฉากที่ชอบมากๆมีอยู่สองตอนคือ

ฉากที่ประสิทธิ์ดีดเปียโน แล้วท่านครูตีระนาดอยู่ข้างๆ แล้วฉากหมุนมา ดูแล้วมันเหมือนการที่เครื่องดนตรีไทยและฝรั่งมันค่อยๆสอดคล้องเข้าหากัน บวกกับจังหวะเพลงที่ ไพเราะมาก ทำให้ฉากนี้คือแบบดีงามจริงๆ

ฉากของแม่โชติที่เก็บดอกลั่นทม ใช้การหมุนและฉากที่เอามาตั้งวาง แล้วค่อยๆหมุนเปลี่ยนมุนมองและการเคลื่อนไหวไปพร้อมๆกันนั่นก็ดีงามอีกเช่นกัน มันได้ความรู้สึกหลายอารมณ์มากๆ

ฉากในเรื่องนี้จะเป็นฉากลอย ยกมาตั้งมาวาง มาหมุน รวมถึงเครื่องดนรีด้วย คารวะในความพยายามจัดการความวุ่นวายของBackstageเลยทีเดียวและกราบบบให้กับการเล่นดนตรีไทยสดๆบนเวทีตลอดเรื่องจริงๆ แม้จะต้องขนเข้าๆออกๆ แต่ทีมงานก็ยังเลือกใช้การแสดงสด ที่มันแบบให้อารมณ์ได้สุดมากจริงๆ ทั้งตอนเปิดตัวศรตอนโตที่ตีระนาดประชัน และตอนประชันกับขุนอินนี่คือความคุ้มค่าของคนดูที่ได้รับจากความพยายามยกอุปกรณ์ของทีมงาน (คือถ้าไปดูจะพบว่ามันต้องยกเข้าออก สลับไปมา บ่อยเหลือหลาย)

แสงสีคือไม่ได้เล่นอะไรอลังการงานสร้างเลย แต่มันกลับถ่ายทอดอารมณ์ให้เราสัมผัส และรู้สึกไปกับมันได้จริงๆ โดยเฉพาะฉากกลุ่มระนาดตอนจบ คือมาในแบบเวลาที่ใช้ และมาเล่นเพลงที่ใช่ พร้อมกับเปิดแสงสีในโทนที่ใช่อีก คือดูแล้วรู้สึกทรงพลังมากเลย มันเหมือนเป็นบทสรุปของเรื่องที่แบบมีพลังอย่างบอกไม่ถูก จริงๆมันไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่เลย ไม่มีเทคนิคหรืออะไรที่แปลก แต่มันมาในจังหวะที่ใช่ ด้วยองค์ประกอบที่ใช่ คือแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เราชอบมันอย่างมากจริงๆ

สิ่่งดีงามอีกอย่างคือเวิร์คพอยท์ไม่มีไลน์การร้องประชันประสานระหว่างหมู่มวลแบบรัชดาลัย(ที่ฟังไม่รู้เรื่อง) มันเลยทำให้เราดูและเก็บเกี่ยวเนื้อหาไปได้เต็มๆ

เพลงและดนตรี

ดนตรีไทยที่ใช้เล่นเพราะหายห่วงมากๆ ส่วนเพลงที่ร้องบอกเล่าเรื่องราว ก็เพราะในระดับนึง ถ้าฟังผ่านๆ คือมันก็ยังไม่ได้ตลาด และจะติดหูคนทั่วไปเท่าไหร่นัก แต่ถ้าดูเนื้อเรื่องมาทั้งหมด จะพบว่าเพลงส่วนใหญ่นั้้นทำได้ดีมาก (จะมีก็บางเพลลงที่เราไม่ชอบบ้าง แต่ก็แล้วแต่รสนิยมแต่ละหู) แต่สิ่งที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ คือการใช้เพลงป็อป ร้องในเรื่องนี้ คือบางจังหวะ บางฉากมันก็ไม่ใช่อ้ะะะะ บรรยากาศแวดล้อมแบบกรุงเก่า แต่ร้องเพลงป็อปสมัยใหม่ (แบบเพลงสมัยนี้เลย) มันทำให้ขัดกันไปหน่อย แต่ไม่ใช่จุดสำคัญที่จะทำให้เสียอรรถรส

นักแสดง

สารภาพว่าเราแทบไม่รู้จักนักแสดงในเรื่องนี้เลย ขนาดอ่านชื่อแล้วก็ยังงุนงงว่านี่คือใคร แต่ปรากฎว่าเล่นดีมากทุกคนจริงๆ เพราะสามารถทำให้เรารู้สึกไปกับการแสดงออกของแต่ละตัวละครได้มากๆ ตรงส่วนนี้หลักการชมง่ายๆเลย คือ ถ้าเล่นให้เรารู้สึกแบบที่คุณแสดงออกได้นี่คือดีงาม ถ้าจะเล่นให้คนหมั่นไส้แล้วดูแล้วหมั่นไส้มากนี่คือดี 

ทีมนักแสดงเรื่องนี้คือ ดีงาม และส่งพลังออกมาให้เรารู้สึกได้ดีมากจริงๆ เพราะเล่น”ถึง” กันจริงๆ ไม่ว่าจะบทเล็กบทน้อย ไม่ว่าจะเป็น

– ขุนเทียน (ครูลักษณ์แห่งบ้านเอเอฟ ที่ตอนอยู่ในบ้านเราก็สงสัยว่าเค้าเล่นดียังไง ดูจบก็อื้อออหือออ)

– พ่อเทิด เล่นโดยปอ เอเอฟ(ไหนไม่รู้) ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าปอเล่นละครเวทีดีขนาดนี้เลย

– แม่โชติเสียงใสกังวาลมาก เล่นดีไหมบอกยาก เพราะบทแม่น้อยเหลือเกิน แต่ทุกครั้งที่ออกมาก็ไม่มาทำให้เอารมณ์สะดุด (เราถือว่าอยู่ท่ามกลางนักแสดงที่เล่นถึงกันขนาดนี้แล้วไม่ดรอปไปนี่ก็สุดยอดแล้ว) แต่แม่โชติเสียงฟังเพลินมาก นางไปอยู่ที่ไหนมานะ!?!?!

– พ่อทิว จ้ะเอาที่พ่ออยากเลย คือเล่นได้กะล่อนน่าหยิกมาก ทั้งวัยเด็กและวัยรุ่น

– พันโทระวี คือสมาร์ทมาก ออกมาแต่ละทีนี่ น่าหมั่นไส้มาก เข้าใจนะว่าทำตามหน้าที่แต่แบบ..นั่นแหละ แต่ฉากสุดท้ายหน้าบ้านท่านครูนี่ดีงามนะ

– พี่เปี๊ยกกก (เกือบลืม) คือเล่นดีมาก ตลกมาตลอดเป็นตัวฮา แต่บทจะดราม่านี่เล่นเอาเราจุกเลย

– ส่วนศร วัยหนุ่ม ดูจบแล้วได้แต่อุทานว่า ฮีเล่นระนาดเก่งขนาดนี้เลยหรือเนี่ย เราเคยดูพระเอกเล่นละครเวทีมาหลายครั้งอยู่ การแสดงกับการร้องนี่คือเค้าทำได้อยู่แล้ว ในเรื่องฮีก็แสดงดีนะฉากแรกๆที่ออกมา นี่อวดดีจนเราหมั่นไส้เลย (เฮ้ย นั่นพระเอกนะ) แต่ฝีมือตีระนาดนี่ดีมากจริงๆ ต้องซ้อมอย่างหนักมากถึงเล่นได้ขนาดนี้ คือสามารถเล่นได้สูสีกับมือระนาดจากกรมศิลป์เลยนี่มันสุดยิดมาก ลบภาพโอลาฟจากฟรอเซ่นออกไปได้เกลี้ยงเลย

– ขุนอิน ตอนตีระนาดตอนประชันนี่สุดยิดมากจริงๆ ยิ่งตอนก่อนจะจบ คือแบบ โอ้ยยยดูแล้วลุ้นมากกก เกร็งแขนแทน ซึ่งคนเล่น(คือใครไม่รู้) สามารถแสดงภาพขุนอินให้ออกมาได้มุ่งมั่น ดุดันดีมาก คือขุนอินที่ปรากฎตัวทีนี่ อื้อหือ ยิ่งพอตีระนาดนี่ โอยยย รู้สึกกดดันมากมันมีออร่าบางอย่างที่แผ่ออกมา

– ท่านครู คือพ่ออี๊ด สุประวัติ คือฝีมือนี่ไม่ต้องพูดแล้ว สุดยิดมากจริงๆ คือนักแสดงชั้นเทพมากๆ เราสัมผัสได้ถึงอารมณ์เต็มที่มากๆ พูดเบาๆเนิบๆ แต่มันก็ซึมลงในใจ คือทุกการแสดงออกทุกอย่างมันสามารถส่งมาถึงเราได้ (ขนาดว่านั่งบนยอดดอยนะ ดอยขนาดใกล้เพดานมากกว่าใกล้เวทีน่ะ) และยิ่งตอนจบที่เล่นระนาดนี่คือ สุดยิดมาก มันเป็นอะไรที่แบบดีงามจริงๆ

และคนสุดท้ายที่เรารู้สึกว่าสุดยิดอีกคนคือทหารลูกน้องพันโทระวี คือเล่นได้แบบกวนมาก ออกมาแต่ละทีนี่อยากจะตบฟว่ำเลย แค่นี้แหละ (รู้สึกฮีคือเสวี จากรัชดาลัยสินะ)

สรุปจบอีกทีก็ยังยืนยัน นอนยัน นั่งยัน เชียร์มากให้ไปดู คือไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง แล้วทำไมจะไม่ไปดูกันล่ะ มีของดีๆมาเล่นให้ดูขนาดนี้แล้ว ซื้อบัตรได้ที่ไทยทิกเกตเมเจอร์นะฮะ

WP_20150425_22_59_16_Pro