ไปถึงลาววันแรก ยังไม่รู้สึกเลยว่าได้มาต่างบ้านต่างเมืองแล้ว เพราะว่าที่ลาวนั้น เราสามารถพูดภาษาไทยได้ (เราสามารถเข้าใจภาษาลาวได้ อาจจะไม่ทั้งหมด แต่พอเข้าใจได้) เราสามารถหาซื้อสินค้าและขนมและของใช้ไทยได้ทั้งหมด ของลาวเองมีน้อยมาก ร้านของชำข้างทางของลาว ไม่รู้ว่าที่นี่เป็นคนง่ายๆหรือป่าว แต่เค้าไม่แคร์ฝุ่นที่เกาะติดสินค้าเลยสักนิด แม้มันจะทำให้ดูเก่าหรือไม่น่าซื้อ เราเองไม่แน่ใจว่าฝุ่นเกาะหรือว่าไม่มีใครซื้อมานานมากแล้ว
และก็เป็ปซี่ลาว ส่วนตัวกลายเป็นโรคจิตอย่างนึงที่ชอบไปมองหาโค้กกับเป็ปซี่ในประเทศต่างๆ ว่าที่ไหนใครมีเยอะ ที่ลาวเป็ปซี่มาแรงมากๆ โค้กหาค่อนข้างยากหน่อย แต่ยังพอหาได้
อาหารแปลกประจำวัน…..รังผึ้ง!!!!! เป็นอะไรที่แปลกมาก รสชาติแปลกบอกไม่ถูก ไม่ใช่ไม่อร่อย แต่จะเรียกว่าอร่อยก็ไม่ได้
หวยลาว เห็นว่าออกอาทิตย์ละครั้ง ถี่มากๆ (!) ระหว่างทางเราสังเกตเห็นโต๊ะและคนนั่งเต็มไปหมดเลย เรียงเป็นแถวมากๆ พร้อมกระดาษและแท็บเลต ตอนแรกเห็นแถวที่พักนึกว่าออกมานั่งอ่านหนังสือกัน แต่เดินไปเรื่อยๆเริ่มเยอะจนคิดว่าไม่ใช่ล่ะ เลยเดินเข้าไปถามดูว่าทำอะไรกัน เจอทั้งที่ปากเซและหลวงพระบางเลย
นอกเรื่อง#2
(วันที่สองของการเดินทาง)
วันนี้ได้กินน้ำอ้อยสด…..สดจริงๆ ทำตรงนั้นเลยทำทีละแก้วๆเลย เยี่ยมมากๆ
ทางเข้าน้ำตกหลี่ผี แม้จะอยู่กลางดอน แต่ว่าไวไฟฟรีนะ และคนลาวดูทีวีไทยกันแบบดูจริงจัง การเมือง ละคร ข่าว กีฬา รับมาจากไทยทั้งนั้น (ได้ดูทีวีไทยเยอะกว่าตอนอยู่บ้านอีก) ไปถามป้าเจ้าของที่พักที่หลวงพระบางว่าลาวมีรายการไหม แกก็กดๆเปิดไปและบอกว่านี่ไงช่องลาว คนนี้พิธีกร และดูเชิงเราสักพักจากนั้นป้าก็กดกลับไปดูละครต่อ ORZ และที่ประเทศลาวไม่ว่าจะอยู่กลางทุ่งหรือบ้านจะดูกันดารขนาดไหน แต่ทุกบ้านจะมีจานดาวเทียม คาดว่าน่าจะรับสัญญาณทีวีไทย
นอกเรื่อง#3
ปากเซเป็นเมืองที่สถานที่เที่ยวอยู่ไกลกันคนละทางเลย การเดินทางเที่ยวเลยหนักไปที่การเหมารถเป็นหลัก และสถานที่เที่ยวยังมีลักษณะคล้ายๆกันหมด คืออยู่ในเส้นทางเดียวกันก็เป็นแบบเดียวกันหมด ดูต่อเนื่องที่หลังๆอาจจะไม่ว้าวได้ แต่ก็มีความพยายามแทรกเส้นทางไร่กาแฟไว้ เสียดายที่ไม่ได้ไปเลยไม่รู้ว่าจะช่วยตัดอารมณ์ได้มากหรือป่าวแต่เพราะการเดินทางไกลทำให้ ไม่ค่อยเหลือเวลามาเที่ยวในเมือง แม้ปากเซจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็เหมือนเมืองเกิดใหม่ที่กำลังพัฒนามากๆ ทำให้การอยู่ต่ออีกวันเพื่อเที่ยวในเมืองก็ไม่น่าสนใจมากนัก คือไม่มีจุดให้เดินพักผ่อน (หรือเราอาจจะไปผิดจุดไม่เจอเองก็ได้)
การแฟดาว เป็นหนึ่งในไม่กี่สินค้าที่เราเห็นลาวมีเป็นของตัวเอง คาดว่าน่าจะอร่อยและขายดีมาก เพราะบ้านเจ้าของใหญ่โต อลังการมาก (บ้านเจ้าของอยู่ใกล้ๆที่พัก ตอนแรกนึกว่าคือโรงแรมสร้างใหม่ แต่เปล่าเลย คือบ้านคน! บ้านคน! บ้านคน! ที่สร้างด้วยเงินสดด้วย)
ไม่รู้ว่าที่ลาวไม่ค่อยผลิตสินค้าเองเพราะว่าความต้องการไม่พอจะสร้างโรงงานหรือป่าว หรือการนำเข้าสะดวกกว่าเยอะ แต่เพราะการนำเข้าสินค้าจากไทยอุตลุตนี่เอง ที่ทำให้สงสัยว่าคนลาวทำงานอะไรกัน ถึงมีเงินมาซื้อสินค้าที่แพงกว่าเมืองไทยเป็นเท่าได้ (คือการกินทำเองที่บ้านได้ การเดินทางใช้ราคาคนลาวได้) แต่ของใช้นี่สิ ขนาดดูราคาในซุปเปอร์ที่มีป้ายติดบอกไว้ ราคาก็พอๆกับร้านข้างทาง ซึ่งราคานี้แพงกว่าเมืองไทยพอควรเลยทีเดียว (อันนี้คือดูจากค่าบริการที่จ่ายไปคิดว่าเป็นรายได้คนลาว แต่อาจจะมีรายได้ทางอื่นก็ได้)
นอกเรื่อง#4
(วันที่สี่ของการเดินทาง เวียงจันทน์)
รถสองแถวตอนเช้าๆเข้าเมืองนี่หนาวได้ใจมากๆ อากาศตอนเช้าเย็นอยู่แล้วและนั่งรถฝ่าลมไปอีก หนาวยอดเยี่ยมเลย รถสองแถวที่นี่จอดแบบถึงที่มากๆ คือขับเข้าซอยจอดหน้าบ้านให้เลย
ถ้าทางเท้าที่กรุงเทพจะเอาไว้ตั้งแผงลอยค้าขายและให้รถจักรยานยนต์วิ่ง ทางเท้าที่เวียงจันทน์ก็เอาไว้ให้รถจอดเลยทีเดียว ขึ้นไปจดทั้งคันเลย ซึ่งลดปัญหาการจอดเกะกะบนถนนไปได้ แต่อาจจะเพราะถนนที่ลาวเล็กเลยต้องไม่สามารถจอดริมทางได้
วัดในลาวเป็นอะไรที่สร้างได้ละเอียดมากๆ ไม่ได้เน้นขนาดใหญ่โต แต่งานฝีมือละเอียดและประนีตมากๆ มีลักษณะศิลปวัฒนธรรมแบบลาวเหมือนกันเกือบทุกวัดเสียดายที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลอะไรไปเลย เลยไม่ได้ดื่มด่ำกับประวัติความเป็นมา ความสำคัญเลย เป็นอารมณ์เหมือนไปให้ครบๆตามรายการไปเท่านั้น
นอกเรื่อง#5
(วันที่หกของการเดินทาง พายคายัค)
ชาวเกาหลีรุ่นผู้ใหญ่ เป็นรุ่นที่ระดับความเตรียมพร้อมทะลุขีดมากๆ คู่ที่เราเจอมีอุปกรณ์กันแดดครบ กางเกงแห้งเร็ว เสื้อแขนยาว ขายาว กันหนาวได้ด้วย และที่เด็ดกว่าคือ มีผ้าปิดปากกันฝุ่นมาด้วย
นอกเรื่อง#6
(วันที่เจ็ดของการเดินทาง หลวงพระบาง)
ขอยกให้เป็นสุดยอดไอเดียมากๆ อาหารข้างถนนแบบบุฟเฟ่ต์ เป็นอะไรที่สุดยอดมาก คือด้วยราคาและความคุ้มค่าก็ดึงดูดให้คนไปรุมมุงได้เพียบ แถมรูปลักษณ์ของอาหารก็ยังดูน่ากินอีก มีให้เลือกหลากหลายมากๆ แต่เราไม่ได้กินนะ (รู้สึกว่ามันต้องมีน้ำพริกมากินด้วยซะหน่อย อารมณ์ไม่ได้เลยไม่ทาน)แต่คิดว่ารสชาติน่าจะดี
นอกเรื่อง#7
(วันที่แปดของการเดินทาง หลวงพระบาง)
เจอคนนึงตรงข้างพิพิธภัณฑ์บ้านเก่า เหมือนกำลังซ้อมละครอยู่เลย อดทนมากๆ ใส่เสื้อหนาวกลางแดดเปรี้ยงๆ แต่ถ้าเจอตอนกลางคืนคงมีเผ่นกันละ
นอกเรื่อง#8
หลวงพระบางเป็นเมืองที่เล็กมากๆ ถ้านักท่องเที่ยวที่มาถึงใกล้ๆกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน เราจะเดินเจอกันไปทุกหนทุกแห่งเลยทีเดียว เหมือนที่เราเจอคนจีนตั้งแต่พระธาตุพูสี น้ำตกตาดกวางสี และตรอกขายอาหารตอนเย็น