The Fault In Our Stars…Okay… หนังดีมากกกกก คืออินมากกก หนังเล่าเรื่องของเฮเซลสาวน้อยที่เป็นมะเร็งปอดและไปพบรักกับเจ้าหนุ่มวอเตอร์สผู้เอาชนะมะเร็งด้วยการตัดขาออกไป และทั้งคู่ตั้งใจออกตามหานักเขียนคนโปรด หนังเล่าเรื่องราวความรักของทั้งคู่ผ่านเรื่องราวตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน เริ่มตกหลุมรักและถอยห่างและเข้ามาคู่กัน พร้อมตอนจบสุดเศร้า เป็นพล็อตหนังที่พลิกไปจากที่อ่านเรื่องย่อไว้ เรียกว่าไม่ได้เตรียมใจมากับตอนจบแบบนี้ ทำให้ยิ่งรู้สึกเศร้ามากๆ บทหนังเรียบง่ายแต่กินใจและไม่เวิ่นเว้อในส่วนของเรื่องอาการป่วย คือชอบตรงที่ไม่ได้ดราม่าเรื่องอาการป่วยและฟูมฟาย ไม่ได้มาแบบที่ว่าต้องมีหวัง ต้องหาย ต้องรอด แต่คือทุกคนเข้าใจและยอมรับมัน ยอมรับความที่ต้องพรากจากกัน และนำเสนอออกมาในแง่มุมที่สวยงามระหว่างกัน พร้อมบทพูดที่เรียกน้ำตามากๆ ยิ่งค่อยๆซึมค่อยๆอินไปเรื่อยๆ พอมาถึงจุดพีคนี่ก็อื้ออหือเศร้าซะ แต่มันเป็นการมาถึงจุดพีคแบบค่อยๆไต่ คือไม่ได้ไปถึงยอดแต่อยู่ใกล้สุดและค่อยๆคงระดับไปเรื่อยๆจนจบ ซึ่งแบบนี้ยิ่งทำให้อินและอารมณ์คงอยู่นานมากๆ (ข้างๆนี่ร้องไห้ไม่หยุดเลยทีเดียวแทบจะยื่นทิชชู่ให้) พระเอกเล่นดีมาก เสียงมีชีวิตชีวาแสดงอารมณ์มากๆ พระเอกอาจจะไม้หล่อมาก แต่จากบทและการแสดงแล้ว อื้อหืออ ดูดีขึ้นมา70%เลยทีเดียว The fault in our star เป็นหนังสวยงามที่ดูเพลินดูแล้วอินมาก ดูแล้วอยากไปซื้อหนังสือมาอ่านเลย แต่ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการดูเพื่อผ่อนคลายตลกเฮฮา เพราะมันจะอินและฝังหัวมากๆ สิ่งที่ชอบเป็นพิเศษในเรื่องคือเสียงพระเอกตอนเรียกนางเอก และรอยยิ้มพระเอก สดใสมาก ไม่รู้เชียร์ตอนนี้จะช้าไปไหม แต่ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะไปแลกันนะ
Month: August 2014
สุดท้ายทริปนี้ เป็นทริปที่……….ไม่ได้มีการวางแผนอะไรเลย ลิสแค่ว่าจะไปไหนบ้างหรือใครแนะนำมาบ้าง แต่สถานที่พวกนั้นตั้งอยู่ไหนยังไม่รู้ หาเอาข้างหน้า ที่พักหาเอาดาบหน้า ตั๋วรถหาเอาดาบหน้า เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี ได้เรียนรู้ว่า อย่างน้อยๆจองที่พักไปเถอะ สักคืนหรือช่วงต่อเมืองก็ได้ เพราะการเดินหาที่พักตอนหกโมงเช้า หลังลงรถเบลอๆงงๆและนั่งตากลมเข้ามาในเมือง หรือการหาที่พักตอนแดดเปรี้ยงๆบ่ายๆนั้น ทำให้ความสามารถในการตัดสินใจแย่ลงพอสมควร เป็นทริปที่……….แผนที่มีค่าดั่งทองคำ และหาแผนที่ฟรีไม่ง่ายนะ (แต่ได้มาหลายอัน อิอิ) ได้เรียนรู้ว่าแผนที่เป็นตัวดึงดูดความช่วยเหลือที่ดีมาก ขอบคุณฝรั่งคนนั้นที่อุตส่าห์ปั่นจักรยานมาเพื่อชี้ทางสว่างให้ที่หลวงพระบาง และแผนที่ยังเป็นประตูแนะนำ (ผลักดัน?) ให้เราไปบลูลากูนที่วังเวียง โดยสาวเกาหลีที่เรายกแผนที่ให้ และความรู้สึกของการเดินตามแผนที่ หรือหาสถานที่ตามแผนที่นี่มันดีนะ ปะ? เป็นทริปที่……….นั่งรถยาวๆล้วนๆ ใช้ชีวิตบนถนนนานมากๆ นั่งหลับ นอนหลับ หลับแล้วหลับอีก ได้เรียนรู้ท่านอนที่เหมาะสม และการดำรงชีวิตบนรถบัสแบบจำศีลนิ่งๆ ประหยัดพลังงาน เพื่อลดการกินและการเข้าห้องน้ำในเส้นทางที่ค่าห้องน้ำเก็บแพงขึ้นๆเรื่อยๆทุกจุดที่จุดแวะ เป็นทริปที่……….ถนนโหดมาก โค้งแล้วโค้งอีก โค้งไปโค้งมาตลอดเวลา ก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมต้องทำให้โค้งขนาดนี้ (คือบางจุดมันโค้งติดๆกันจนน่าจะทำตรงไปนะ) ได้เรียนรู้ว่า ยาแก้เมารถนี่เริ่ดมาก แต่ถ้ากินไม่ทัน จะนอนยังไงให้หลับไปเร็วที่สุด
Laos Bottoms Up! นั่งรถเมื่อยก้นตะลุยลาว 2,700 km in 10 Days : เก็บตกเล็กๆน้อยๆระหว่างทาง (Ch.13/14)
นอกเรื่อง#1 ไปถึงลาววันแรก ยังไม่รู้สึกเลยว่าได้มาต่างบ้านต่างเมืองแล้ว เพราะว่าที่ลาวนั้น เราสามารถพูดภาษาไทยได้ (เราสามารถเข้าใจภาษาลาวได้ อาจจะไม่ทั้งหมด แต่พอเข้าใจได้) เราสามารถหาซื้อสินค้าและขนมและของใช้ไทยได้ทั้งหมด ของลาวเองมีน้อยมาก ร้านของชำข้างทางของลาว ไม่รู้ว่าที่นี่เป็นคนง่ายๆหรือป่าว แต่เค้าไม่แคร์ฝุ่นที่เกาะติดสินค้าเลยสักนิด แม้มันจะทำให้ดูเก่าหรือไม่น่าซื้อ เราเองไม่แน่ใจว่าฝุ่นเกาะหรือว่าไม่มีใครซื้อมานานมากแล้ว และก็เป็ปซี่ลาว ส่วนตัวกลายเป็นโรคจิตอย่างนึงที่ชอบไปมองหาโค้กกับเป็ปซี่ในประเทศต่างๆ ว่าที่ไหนใครมีเยอะ ที่ลาวเป็ปซี่มาแรงมากๆ โค้กหาค่อนข้างยากหน่อย แต่ยังพอหาได้ อาหารแปลกประจำวัน…..รังผึ้ง!!!!!
*****วันที่10/2-02-2014 นั่งรถกลับเลยและกรุงเทพ ***** วันนี้เรารีบตื่นแต่เช้า เพื่อออกไปดูพิธีตักบาตรก่อนที่รถตุ๊กตุ๊กจะมารับ (มาตั้งหลายวัน เพิ่งจะคิดออกไปดูได้วันกลับ = =) แต่ว่าพลาดไม่ได้เห็น เราก็รีบกลับมาที่พัก เพราะถึงเวลานัดรถตุ๊กตุ๊กแล้ว
*****วันที่9/1-02-2014 ถ้ำติ่ง /Kwangsi Waterfall ***** วันนี้เราตื่นไม่เช้ามาก แวะกินโจ๊กคัพที่ซื้อมาเมื่อวาน แล้วก็เดินไปที่หน้าบริษัททัวร์ ที่ซื้อวันเดย์ทัวร์ไว้ โดยพนักงานพาเราออกเดินไปที่ท่าเรือ เพื่อขึ้นเรือไปที่ถ้ำติ่งถ้าไม่ไปกับทัวร์ สามารถมาซื้อตั๋วเองได้ราคา65000kip แต่อาจจะต้องไปเช้านิดนึง เพื่อให้เวลาเหลือพอไปน้ำตกตอนบ่าย