เราตื่นมารอขึ้นรถไปหลวงพระบางตั้งแต่เช้าพอควร โดยก่อนออกเราก็ไม่ลืมแวะไปหาอะไรทาน เพื่อจะได้ทานยาแก้เมารถได้ (ทางที่นี่ขึ้นชื่อมาก) วันนี้ก็ยังขอลองพยายามกับเฝอลาวอีกสักรอบ พร้อมนั่งชมวิววังเวียงยามเช้า
ทางไปหลวงพระบางโหดอย่างที่คาดคิดจริงๆ คดเคี้ยวในระดับที่รู้สึกว่ายาแก้เมารถที่กินเมื่อเช้าน่าจะเอาไม่อยู่เลยทีเดียว
แต่วิวข้างทางก็สวยดี แต่จะไม่ดูก็ไม่เป็นอะไร คล้ายๆเดิมตลอดทาง คนขับก็หยุดให้เราแวะเรื่อยๆ ประมาณสามครั้งได้ ครั้งแรก หยุดให้คนขับทานข้าว อีกครั้งหยุดให้ชมวิว และอีกครั้งหยุดให้เราทานข้าว
ใช้เวลาเดินทางประมาณหกชั่วโมงก็มาถึงหลวงพระบาง เราก็ลงมาด้วยอาการมึนงง และร้อนสุดๆ รถจอดในจุดที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ไหน เลยมุ่งหน้าเดินออกไปถนนใหญ่ และหยิบแผนที่ที่ได้มาตั้งแต่เวียงจันทน์ขึ้นมาดู และก็…งง
ยืนอยู่สักพักก็มีฝรั่งใจดี ที่ปั่นจักรยานผ่านเราไปทีแรก ปั่นย้อนกลับมาช่วยบอกทางให้ว่าเราอยู่ไหน พร้อมกับข่าวร้าย(?) ว่าเรามาชนช่วงตรุษจีนพอดี ฉะนั้นที่พักน่าจะหายากหน่อยนะ และที่ดีๆราคาก็จะแพงพอควร…..เราก็ได้แต่ ตึ่งงงง เพราะคิดมาตั้งแต่วังเวียงแล้วว่าเราควรจะจองมาก่อนหน่อยดีไหม แต่ก็ไม่ทำเพราะอยากมาลองเดินหาดูเอง
ก็เลยตัดสินใจเดินเข้าไปในส่วนของ Historical Area คือที่พักที่ยิ่งใกล้Historical Areaจะยิ่งแพงขึ้นเรื่อยๆ แต่เราไม่อยากไปอยู่ไกลๆ ไม่งั้นจะเดินลำบาก ก็เลยเลี้ยวเข้าไปในซอยนึง เพราะเห็นคำว่าป้ายเกสเฮ้าส์เต็มไปหมด เดินถามไปเรื่อยๆ ก็มาได้ห้องที่ เสียงแคนลาว
จากนั้นเราก็ออกมาเดินตลาดกลางคืน เพื่อหารถกลับไทย เส้นทางหลวงพระบาง-เลย ยังไม่เป็นที่โด่งดังมาก เพราะหลายบริษัทแทบไม่รู้จักเลย (ซะงั้น) แล้วก็หาทัวร์เพื่อไปเที่ยวน้ำตกต่อ
จากนั้นก็หาร้านข้าวเย็นทาน วันนี้มาลองลาบกับส้มตำอีกครั้ง พร้อมเครปช็อกโกแลตนูเทลล่าเป็นของหวานตบท้าย 304-306
และก็แวะเดินตลาดกลางคืน ดูราคาของฝากไว้ก่อน