วันนี้ตื่นเช้าเล็กน้อย ออกมาเดินหาอะไรรองท้อง เป็นบัคเกต ที่เล็งมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เห็นมีขายทั่วเมืองมาก และโรตีนูเทลล่าอีกอันนึง
จากนั้นก็เดินไปถ่ายรูปที่Riverview อีกทีตอนเช้า (ฝังใจมากจริงๆ)
เสร็จแล้วก็ไปนั่งรอที่หน้าบริษัททัวร์ที่เราจะไปวันเดย์ทัวร์ ด้วยวันนี้ ทัวร์วันนี้เราเดินหาซื้อตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น เดินแวะถามทุกร้าน(?)เท่าที่มี ก็ไปจบที่บ.น้ำทิพย์ทัวร์ ด้วยทัวร์มาตรฐานของวังเวียง
จริงๆ เราอยากไปหลายๆถ้ำอื่นๆ ไปบลูลากูนด้วย ไม่อยากพายเรือเท่าไหร่ แต่ว่าไม่มีคนซื้อทัวร์เลย ถ้าไปเองจะราคาสูงมาก ด้วยความที่งบจำกัดเราก็เลยเลือกตามทัวร์มาตรฐานไป เพราะถือว่าตอบโจทย์ที่เราคิดมาได้พอดีในเรื่องการล่องแม่น้ำ แต่ถ้าอยากล่องแม่น้ำโดยไม่ต้องพายเรือ ยังมีบริการเรือให้นั่งชมวิวด้วย (ราคาไม่แน่ใจถามได้ตรงRiverview) และการไปลอยห่วงยางชิวๆในแม่น้ำด้วย (ราคาไม่แน่ใจ ความสนุก เห็นทั้งฝรั่งที่กลับมาอย่างสนุก และฝรั่งที่กล้องหล่นน้ำ กลับมาไม่ประทับใจ ร้องไห้ใหญ่)
ทัวร์มาตรฐานของวังเวียง เริ่มด้วยการนั่งรถไปสิบห้ากิโลเมตร เพื่อไปลอยห่วงยางในถ้ำน้ำ ทานอาหารกลางวัน และเดินไปไหว้พระที่ถ้ำช้าง แล้วนั่งรถกลับมาเริ่มพายเรือคายัคล่องแม่น้ำมาเป็นระยะทางแปดกิโลเมตร มาถึงวังเวียงประมาณ 3.30-4.00pm
ทัวร์นี้…เราไม่ค่อยเจอคนไทยเลย ฮ่าๆ เจอแค่เพื่อนร่วมคณะ แถมรุ่นเดียวกันอีก 3คน (ซึ่งถูกลากมาเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมต่อมา) เรานั่งรถมาไม่นานมาก ก็มาถึงถ้ำน้ำ เดินข้ามทุ่งนาไปเล็กน้อย
แล้วก็ไปลอยห่วงยางในถ้ำ น้ำเย็นมาก ถ่ายรูปมาได้นิดหน่อย ดีที่ไปซื้อถุงกันน้ำมาเมื่อวาน ก็เลยถ่ายมาได้เล็กน้อย แต่ในถ้ำมืดมาก รูปที่ถ่ายมาเลยเหมือนไม่ได้ถ่ายมาเท่าไหร่ = =” การลอยห่วงไม่อันตรายเท่าไหร่ น้ำไม่ลึก ระหว่างทางมีเชือกให้จับดึงตลอด ในถ้ำไม่มีอะไรให้ดูเท่าไหร่
พอออกมาเสร็จ ทางทัวร์ก็เตรียมอาหารไว้ให้แล้วเป็นบาร์บีคิว ข้าวฝัด และขนมปัง รสชาติก็…..เย็นเกินไป แต่ก็พอกินได้ หลังจากไปออกแรงลอยห่วงในถ้ำมา
จากนั้นทัวร์ก็พาออกเดินข้ามทุ่งนาอีกที (ถ้ามาตอนที่นากำลังขึ้นคงสวยและเย็นสบายมาก)
เดินมาแปปนึงไม่ไกลมาก ก็มาถึงถ้ำช้าง มีพระนอนและพระพุทธรูปอยู่ในถ้ำ
และก็เดินมาขึ้นรถ เพื่อนั่งรถประมาณ10-15นาที เพื่อต่อไปยังจุดพายเรือหรือจุดหัดพายเรือ ฮ่าๆ ไกด์จะสอนเราตรงนั้นแหละ ใช้เวลาสอนประมาณห้านาทีได้ ให้ลองถือพายพายดู แล้วก็ลงเรือเลย! ทางทัวร์มีกระเป๋ากันน้ำให้ ไม่ต้องกลัวของเปียกถ้าเรือคว่ำ ฮ่าๆ
ถ้าพายไม่เป็นก็ไม่ต้องกังวล เพราะมีไกด์หลายคน จะให้มานั่งเป็นเพื่อน หรือช่วยพายก็ได้ ซึ่งไกด์ดูเป็นห่วงเรามาก ดูจากสภาพแล้วสกิลกีฬาน่าจะอยู่ในระดับพลิกคว่ำได้ ฮ่าๆ (แต่เรารอดจนจบเลยนะ ฮี่ๆ) ก็อาศัยความมั่นใจไปกัน โดยไม่มีไกด์ งมๆ หาทางจับหลักแปปนึง มาจับจุดได้จากการพายไปเกยตื้น และพุ่งเข้าพุ่มไม้ ได้มีโอกาสนอนราบเหมือนลอดถ้ำเลย แต่การพายคายัคไม่ยากเท่าที่คิดเท่าไหร่พอจ้ำไปได้เรื่อยๆ
และคุ้มสุดๆ วิวแจ่มมากๆ จะมีจุดนึงที่น้ำนิ่งมากๆ ภูเขาอยู่ด้านหลังเรา เสียดายถ่ายออกมาไม่สวยเท่าไหร่ แต่เป็นบรรยากาศที่นั่งชมเพลินมากๆ
ชมเพลิจนเราหลุดจากกลุ่มไปเลย ทำให้ได้มีโอกาสเฉียดเกยตื้นหินด้วย เนื่องจากเป็นทางแยก สองทาง คนส่วนมากและไกด์จะให้ไปทางขวา แต่เรามาถึงเมื่อทุกคนไปแล้ว เราเลยไปลุยทางซ้ายแทน ที่น้ำตื้นเรือครูดกับหิน และลงมาเจอกระแสน้ำอีก สนุกดี
แล้วก็มาถึงจุดพัก เป็นที่นั่งให้คนกินดื่ม และนอนชิว เราอยู่กันพักใหญ่ๆเลย นอนชมวิว เดินเล่นในน้ำ
ครึ่งหลังของการพายคายัค หลังจากที่เราคุยกับไกด์ดู มันก็มีโอกาสจะไปบลูลากูนได้ ถ้าเรากลับไปถึงเร็วพอ (ยังอยากไปอยู่ เพราะสาวเกาหลีในเวียงจันทน์ที่เจอ บอกเราว่ามันสวยมาก) ครึ่งหลังเลยหลายเป็นมหกรรมการจ้ำอย่างไว เรียกว่า จากอันดับท้ายของทัวร์ มาอยู่ในกลุ่มหัวแถว พายนำหน้าเลยทีเดียว เร่งทำเวลาสุดๆ ระหว่างทางเป็นอะไรที่แตกต่างกันมากๆ เราเจอนักท่องเที่ยวที่นอนชิวๆลอยในห่วงยาง เชียร์พวกกลุ่มพายเรือกลางแดด และกลุ่มที่นั่งเรือล่องแม่น้ำ ก็นั่งผ่านกลุ่มเราไปแบบชิวๆดูสบายๆไม่ต้องออกแรงอะไร ฮ่าๆ แต่คายัคถือเป็นประสบการณ์ที่ดีและคุ้มค่ามากๆของวันนี้ และของทั้งทริปเลย
พอเรามาถึงปุ๊ป ก็จัดการชวนสามคนไทย เพื่อนร่วมคณะหารรถไปบลูลากูนและถ้ำพูคัมกันเลย ได้มาที่ราคา 150,000 kip ทางไปถ้ำพูคัมนี่โหดหินมากๆ ถ้าปั่นจักรยานไปรับรองมีซีด และคงต้องไปทั้งวันเลย ขนาดเรานั่งรถไปยังนานเลย
บลูลากูน คือสระน้ำสีฟ้า-เขียวที่ มาเล่นน้ำเพลินๆเลย เรามาถึงตอนเย็นแล้ว นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเดินทางกลับแล้ว เลยคนไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เราจะยังไม่เล่นตอนนี้ เรารีบเดินไปข้างในเพื่อเข้าไปในถ้ำพูคัมก่อน
ทางขึ้นไปถ้ำพูคัม โหดเหี้ยมพอสมควร ชันและปีนขึ้นไปลำบาก แต่จากการที่เราไปฝึกไต่ในปากเซมาแล้ว ทางขึ้นนี่ไม่เป็นปัญหาทำให้หน้ามืดได้เท่าไหร่ บวกกับการออกแรงมาอย่างต่อเนื่อง จะมีเหนื่อยเล็กน้อยเพราะพายเรือมาเท่านั้น
ภายในถ้ำพูคัมจะกิจกรรมให้เลือกทำหลักๆอยู่สองอย่าง คือ ไหว้พระนอนที่ประดิษฐานอยู่ อันนี้ พระนอนจะอยู่ด้านหน้าๆ ไม่ต้องมีไฟฉายก็พอมองเห็นได้ แสงจากข้างนอกยังเข้ามาถึง ทางหาไม่ยากเท่าไหร่ จะมีลูกศรชี้มาเรื่อยๆอยู่ตลอด
และอีกอันคือการเดินตะลุยถ้ำ ก็คือเดินต่อจากพระนอนไป เป็นอะไรที่ผจญภัยมากๆ เดินตามลูกศรเรื่อย ซึ่งลูกศรจะมีทั้งสีขาวและสีแดง และลูกศรจะชี้ไปคนละทางกัน แล้วก็หายไปเลย ในนี้มืดมากๆ ควรจะมีไฟฉายติดมา และไม่ควรเดินคนเดียว นอกจากจะอันตรายต่อตนเองแล้ว ยังอันตรายต่อคนอื่นด้วยเราเจอฝรั่งคนนึง ตอนที่กำลังหลงๆงงๆในถ้ำ เลยถามทางไปและฝรั่งก็ดับไฟหายไป!!!!!
………และก็เดินข้ามมาหาเรา = =”
ภายในถ้ำจุดอันตรายอยู่บ้าง เช่นมีหลุมนึงในถ้ำ ที่ป้ายเตือนภัยคือฟิวเจอร์บอร์ดแผ่นนึงแปะอยู่ ตัวอักษรลางๆ หรือมีแผ่นป้ายอันตรายตกอยู่ระหว่างทาง….คือทางที่ป้ายตกมันอันตราย หรือ ทางที่อันตรายคืออีกจุดกันแน่ ก็เดินกันงงๆ วนไปมา ปีนไปมาเรื่อยๆ
ภายในถ้ำสิ้นสุดตรงไหนไม่แน่ใจ แต่เท่าที่เราเดินดู จะเป็นวงกลม คือไม่ทะลุไปที่ไหนเลย เดินไปจนสุด เพื่อพบกับ…..
คือมาในจังหวะที่หลอนมากเลย เป็นอารมณ์ที่เดินมาเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่ามาสุดหรือยัง ไปต่อได้ไหม และมาเจอมือคนตะกายเต็มผนัง…..
สำรวจถ้ำจนพอแล้วก็เลยรีบเดินย้อนกลับลงมาเพื่อที่จะเล่นน้ำ ในบลูลากูน (ทำมันซะทุกอย่างเลย) ตอนขาออกมาแสงทำให้น้ำในสระเป็นสีฟ้าแล้ว จังหวะที่ออกมาไม่มีคนเล่นน้ำเลย เราเลยเดินลังเลไปมา แล้วค่อยตัดสินใจไปกระโดดน้ำ ตอนแรกเข้าใจว่ามีอันเดียวคือด้านล่างของต้นไม้ ปรากฏว่ามีอันที่เหนือชั้นกว่า คือโดดจากกิ่งด้านบนด้วย
อาจจะเป็นโชคดีที่ได้โดดตอนไม่มีคน เพราะหลังจากนั้นเราเจอนักกระโดดน้ำเจ้าถิ่น ที่ทำเอาท่าโดดเราเหมือนเด็กน้อยหัดเดินเล เจ้าถิ่นเล่นตีลังกาหลังจาก กิ่งบนพุ่งลงสู่น้ำเลย
จากนั้นก็นั่งรถกลับและไปกินอาหารเย็น ที่ร้านเบอร์เกอร์ดังร้านนึงWhopping Burger ดังขนาดได้ลงใน Lonely planet เลยทีเดียว (หนังสือท่องเที่ยวที่ฝรั่งถือกันให้พรึ่บในประเทศนี้) ซึ่งร้านนี้….จะไม่มีทางรับรู้ได้ด้วยตัวเราเองเลย โลคดีได้รับการแนะนำจากเพื่อนใหม่มา(ผู้ซึ่งมีมื้อเย็นวันก่อน ด้วยcombinationคล้ายๆเราอย่างไม่น่าเชื่อ อาหารฝรั่งและลาวและข้าวผสมกัน) ไม่งั้นคงไปหากินตามทางเหมือนทั่วไป
ที่ร้านWhopping burger ดำเนินการโดยเจ้าของชาวญี่ปุ่น ที่มีขนมปังสูตรเฉพาะ? จนนำมาตั้งโชว์หน้าร้านเลย ซึ่งขนมปังอร่อยจริง
เราก็จัดการสั่งเบอร์เกอร์ ลองดูเมนูsignatureของร้าน และสั่งมาอันนึง ได้เบอร์เกอร์หมู สร้างสรรค์สุดๆ ส่วนตัวคิดว่ารถชาติแปลกๆ จะบอกว่าอร่อยก็คงไม่ จะบอกว่าไม่อร่อยก็คงไม่ แต่ชิ้นใหญ่มาก ผู้หญิงกินสองคนยังแทบไม่หมดเลย
จากนั้นก็พาร่างกลับห้องนอน หลับแบบสนิทไม่รู้ตัวเลย โดยไม่ลืมกินยาคล้ายกล้ามเนื้อไปด้วย