ในช่วงหนึ่งของเดือนพฤศจิกายน ได้มีโอกาสเห็นหนังสือเล่มหนึ่งบนโต๊ะของเพื่อน ที่ช่างมีชื่อสะดุดตามากเหลือเกินว่า”การลาออกครั้งสุดท้าย” แต่ตอนนั้นก็ยังรู้สึกเฉยๆอยู่ แค่คิดว่าเออแหะ หน้าปกสวยดี ชื่อน่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้ไปสืบเสาะหารายละเอียดของหนังสือเล่มนี้มากนัก
จนกระทั่งได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างจังหวัด และเพื่อนร่วมทริปก็หยิบเอาหนังสือนี้ขึ้นมาอ่าน!! (ในใจคิดไปแล้วว่า มาเที่ยวเล่นทั้งที ยังเอามาอ่าน แถมมีอีกสองคนรอคิวอ่านอยู่,,แสดงว่ามันต้องน่าสนใจมากแน่ๆ) แต่จะให้รอยืม กว่าจะถึงคิวก็คงหมดอารมณ์อ่าน ดังนั้นจึงตัดสินใจไปหาซื้อมาอ่านเองดีกว่า
ตอนแรกหาไม่เจอ เพราะไอ้เราดันไปคิดว่ามันเป็นหนังสือแปลจากเมืองนอก เพราะเห็นชื่อพาดตัวใหญ่ว่า The Last Resignment ก็เที่ยวถามหาไปเรื่อย จนค้นพบว่า อ้าววว นี่มันงานเขียนของนักเขียนไทยนี่หว่า
ยิ่งช่วงนั้นก็รู้สึกหลงทาง งงๆ ไม่มีเป้าหมายในชีวิตเท่าไหร่ ไม่อยากจะทำอะไร ไม่สิ ไม่มีแรงจูงใจมากกว่า (หรือบางทีอาจจะมีความตั้งใจไม่มากพอ?) เลยจัดมาสักหนึ่งเล่มเผื่อเราจะได้ลาออกครั้งสุดท้ายบ้าง
หนังสือเล่มนี้ พิมพ์โดยสำนักพิมพ์A Book ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมตัวหนังสือถึงมีดีไซน์หน้าปก สวยเก๋ และน่าดึงดูดสายตามาก (ในความรู้สึกคือ A Book จะเป็นอะไรที่แนวๆอาร์ตๆ) พูดถึงรูปลักษณ์แล้วชอบนะ อารมณ์แบบFirst Impression สูงมากๆ
แต่พออ่านแล้วกลับเฉยๆ ความชอบลดลงไปเยอะพอสมควร เพราะตัวเนื้อหานั้นไม่มีอะไรเลย คือ อ่านจบแล้วคุณจะไม่ได้ค้นพบวิธีไปสู่ความเป็นคนว่างงานเลย คุณจะรู้เพียงแค่ว่า คนว่างงานเป็นยังไง เค้ารู้สึกอะไร แต่เนื้อหาหนังสือไม่ได้พูดถึงการปฏิบัติในความเป็นจริงว่าต้องทำยังไง อารมณ์พูดว่าต้องทำอะไร แต่ไม่บอกว่าทำยังไง เช่น ต้องเก็บเงินนะ แต่เก็บแล้วยังไง เก็บเงินไปใช้ยังไงต่อไม่ได้พูดถึงไว้
จริงๆก็คือพูดแต่ตื้นมากๆ โดยรวมก็พูดถึงวิธีทั่วไป ประหยัด ไม่สร้างหนี้ (ซึ่งตรงนี้ก็ผิดที่ตัวเองด้วยที่ไปคาดหวังว่าเค้าจะมาบอกวิธีการไปเป็นคนว่างงานอย่างเต็มที่) โดยเนื้อหาแล้วเหมือนการเล่าประวัติตัวเองมากกว่า ว่าทำอะไรมา คิดอะไรอยู่ รู้สึกยังไง อยากทำอะไร ก็พูดเล่าไปเรื่อยๆ อารมณ์เหมือนอ่านไดอารี่(ของคนอื่น) เป็นหนังสือที่อ่านแล้วเพลินมาก แต่ไม่ค่อยตราตรึงเท่าไหร่ (คืออ่านจบนะ แต่จำไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรให้จำ,,ก็ประวัติชีวิตคนอื่นน่ะนะ)
ซึ่งการที่หนังสืออ่านได้เพลินมาก ต้องขอชมคนเขียนว่าเป็นคนที่เขียนได้สนุกมาก อ่านแล้วเพลิน อ่านแปปๆจบแล้ว อ่านแล้ววางไม่ลงนะ อยากจะอ่านให้จบไป อารมณ์แบบว่า เออ สุดท้ายแล้วมนุษย์ว่างงานคนนี้จะเป็นยังไง (สุดท้ายแล้ว ก็ไม่ได้ว่างงานละนะ สปอยล์ซักนิดนึง) สไตล์การเล่าเรื่อง ก็มีชีวิตชีวามาก การใช้คำก็สนุกสนาน เหมือนเราได้ไปนั่งข้างๆความคิดในหัวเขาเลยทีเดียว และที่ช่วยเสริมการอ่านเพลินก็คือการจัดหน้าและดีไซน์รูปแบบ ทำให้อ่านง่าย สบายตา (ตัวหนังสือต่อหน้าไม่หนาแน่นมาก คนที่ไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆเยอะ คงชอบ)
กับหนังสือเล่มนี้ถ้าเป็นคนขายหนังสือนะ ไม่สิ! บรรณารักษ์ดีกว่า คงจะแนะนำว่า ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องการวางแผนจะลาออกครั้งสุดท้ายจริงๆ แนะนำว่าไปอ่านเล่มอื่นดีกว่า พวกการจัดการเงิน การบริหารเงิน หรือเว็บนักลงทุน น่าจะให้ไอเดียที่ดี และเนื้อหาเชิงลึกกว่าได้ มีเนื้อหาเน้นๆเยอะกว่า ทำให้วางแผนการเงินได้ดีกว่าเล่มนี้เยอะ แต่ถ้าไม่คิดอะไรและมีเวลาว่าง อยากหาอะไรอ่านเพลินๆ ขำๆ หนังสือเล่มนี้ก็ไม่แย่ซะทีเดียว แล้วคุณจะงงมากว่าเวลาคุณหายไปไหน,,ตอนคุณอ่านจบ