Review-Meview

ละคอนถาปัด จุฬา57…เออก็ดีแหะ

ละคอนถาปัดจุฬา 57 “Sherlock Holmes” To where it all began ความรู้สึกหลังดูจบ…..เออก็ดีแหะ เป็นละคอนที่ได้มาดูโดยไม่ตั้งใจ และก็มาแบบไม่คาดหวังอะไรเท่าไหร่เคยดูมาหลายครั้งรู้สึกตันกับละคอนถาปัดจุฬาแล้วในระดับนึงจากชอบ จนเดาทาได้และไม่ชอบเท่าไหร่ มาคราวนี้ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร (ซึ่งเป็นสิ่งที่คนมาดูควรทำเป็นอย่างยิ่ง) บท….. มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางใหม่ๆ จากการเน้นเรื่องรักตัวเอกชายหญิง แต่มาปรับเป็นเรื่องของการสืบสวน อ้างอิงจากนิยายดังอย่่างเชอร์ล็อก โฮมส์มา โดยรวมๆก็ถือว่าดีดูไม่น่าเบื่อมาก และเป็นสิ่งที่ชอบที่มีการฉีกแนวใหม่ๆออกไปบ้าง

สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล ดีเหมือนเดิม แต่ไม่ชอบเหมือนเดิม…..

สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล ดีเหมือนเดิม แต่ไม่ชอบเหมือนเดิม….. หลังจากเพิ่งเล่นไปไม่นานมาก คุณบอยก็เอาสี่แผ่นดินกลับมารีสเตจอีกครั้ง ในความรู้สึกส่วนตัว ว่าเร็วมากและเร็วเกินไปที่จะเอาละครเวทีที่เพิ่งเล่นเป็นร้อยรอบ คนยังไม่ทันลืมยังไม่ทันคิดถึงเอากลับมาเล่นใหม่อีกแล้ว แถมแคสเดิมเกือบหมด เรียกได้ว่า บทแม่พลอยของนกสินจัย และคุณเปรมของกันคงจะผูกติดไปกับทั้งสองคนไปตลอดล่ะ เหมือนช่วงที่ผ่านมาแค่พักเบรกเท่านั้น และก็กลับมาเล่นต่อกัน ด้วยความที่แคสเดิมเกือบหมด เพลงอะไรก็คงเดิม เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมากตอนไปดู แม้จะซื้อบัตรตั้งแต่รอบแรกๆที่เปิดแสดงก็ตาม ฮ่าๆ ถ้าดูจากการเอากลับมาทำใหม่รอบนี้ ยากมากนะที่จะพูดถึงสี่แผ่นดินแล้วจะไม่แตะเรื่องการเมืองเลย(แต่ก็ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะไม่แตะ พยายามตัดทิ้งไปเกือบหมดนะ) เพราะแกนหลักของเรื่องก็น่าจะเป็นเรื่องนี้ละนะ เป็นการเปลี่ยนผ่านที่เกิดขึ้น จะให้ไปเน้นสนใจแต่เรื่องรักกุ๊กกิ๊กของคุณเปรมกับแม่พลอยวัยสาวอย่างเดียว ก็คงสร้างออกมาได้แค่องก์แรกเท่านั้น เข้าใจว่าทำเพื่อขายความบันเทิงเลยไม่เน้นเรื่องพาทการเมืองเท่าไหร่ เลยทำให้บทอ่อนแรงตรงจุดยืนและเหตุผลของทั้งสองฝ่ายพอๆกัน ส่วนตัวแล้วสี่แผ่นดินเวอร์ชั่นนี้เป็นสี่แผ่นดินที่มีความเป็นโมเดิร์นมากขึ้น หลายๆอย่างที่เกือบเหมือนเดิม แต่ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม บริบทรอบตัวเปลี่ยนไปคนดูก็ไปผ่านอะไรมามากขึ้นเหมือนกัน การจะดูแล้วจะได้ความรู้สึกแบบเดิมคงเป็นเรื่องยาก ถ้าดูไม่คิดอะไรก็คงชอบ แต่ถ้าคิดไปรอบๆก็คงพูดว่าชอบได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ “แล้วผมทำผิดตรงไหน?”

Lilet Never Happened

หนังเรื่องที่สามของเทศกาลหนังยุโรปคราวนี้ หนังจากเนเธอร์แลนด์ เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวในสลัมแห่งหนึ่งของฟิลิปปินส์ที่หันเห(?)ไปสู่การเป็นโสเภณีเด็กและเหตุการณ์ต่างๆก็พากันเกิดขึ้น จนไปถึงจุดจบที่เศร้าใจ หนังเล่าเรื่องของเด็กหญิงคนนึงนามว่าลิเลต ที่มีชะตาชีวิตอย่างซวยตามพล็อตละครไทยเรื่องพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยงเลยเพียงแต่ลิเลตไม่โชคดีเท่านางเอกละครไทยเท่านั้น เพราะลิเลตถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนและนอกจากนั้นแม่ของลิเลตเองก็พยายามจะขายลูกกินให้ไปนอนกับผู้ชายแก่ๆ ซึ่ทั้งหมดนี้ก็เพียงพอแก่การผลักให้ลิเลตต้องหนีออกไปอยู่บนถนน(แถมแม่ไม่ตามหาด้วย เอ้อ!) จนถูกจับ และได้มิชชั่นนารีมาช่วยเหลือประกันตัวออกมา กลับไปบ้านและลิเลตก็มาแอบๆอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเยาวชน แต่…….!!!

Big Boy Goes Banana! พลังประชาชน มีชัยเหนือทุนนิยม

Big Boy Goes Banana! เป็นภาพยนตร์สารคดีว่าด้วยเรื่องของผู้กำกับชาวสวีเดนที่ไปเหยียบเท้าบริษัทผลไม้ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างDole เป็นหนังที่ถ่ายทำเพื่อบอกเล่าเรื่องราวระหว่างผู้กำกับคนนี้ถูกยักษ์ใหญ่ไล่บี้ เนื่องจากผู้กำกับคนนี้ทำหนังสารคดีว่าด้วยการทำฟาร์มกล้วยในอเมริกาใต้ของบริษัทDole ว่ามีการใช้สารเคมีบลาๆ ซึ่งคดีนี้ก็ถูกฟ้องและถูกศาลตัดสินไปแล้วว่าDoleผิดจริง แต่Doleกำลังอุทธรณ์อยู่ ผู้กำกับสวีเดนก็ทำหนังขึ้นมาชื่อเรื่อง Banana และกำลังจะนำไปฉาย แต่ทางDole ก็รู้เห็นว่าจะมีการฉายหนัง ซึ่งทางDoleกล่าวอ้างว่าเป็นข้อมูลเท็จทำให้บริษัทเสียหาย อย่ากระนั้นเลยDoleก็จัดการส่งหมายเตือนไปเลยว่าห้าฉายนะ ไม่งั้นฟ้องตูดบานนะ บีบผู้จัดเทศกาลหนังว่าถ้าเอ็งฉายก็จะโดนฟ้องด้วยนะ บลาๆ บีบหนักมาก ช่วงแรกของหนังเรื่องนี้ได้แต่สงสารเลยว่าผู้กำกับและหนังเจ้าปัญหาโดนหนักมากจริงๆ จนสุดท้ายก็พยายามจนฉายได้ แม้จะโดนDoleเปิดเกมเร็วด้วยการใช้สื่อโจมตีผู้กำกับก่อนในหลายๆแง่ และก็เกิดกระบวนการฟ้องร้องกันตามมานี่แหละ ทางDoleไล่บี้หนักจริงๆ ไม่ว่าใครก็ตามที่เอ่ยถึงหนังเรื่องนี้ หรือสัมภาษณ์ผู้กำกับคนนี้ แม้จะเป็นรายเล็กย่อย ทีวีท้องถิ่นก็ตาม Doleจัดการติดต่อไปหมดเลย หูตาทิพย์มากๆ จนกระทั่งทางผู้กำกับก็ลุกขึ้นมาฟ้องDoleกลับด้วยเช่นกัน

Come As You Are

เปิดเทศกาลภาพยนตร์ยุโรป ที่ต้องใช้ความพยายามมากๆในการไปดู เฉียดๆเคอร์ฟิวท่ามกลางมรสุมการเมืองอันระอุเลยทีเดียว กับภาพยนตร์จากเบลเยี่ยม เรื่องเยี่ยมเลย come as you are หนังที่เล่าเรื่องของเพื่อนสามคนที่ต้องการเดินทางท่องยุโรป ชิมไวน์และแวะบาร์เด็ดๆ แล้วมีเรื่องราวระหว่างการเดินทาง พล็อตปกติเดิมๆอย่างที่เราเห็นกันในหนังการเดินทางตามความฝันสักอย่าง สิ่งที่ทำให้น่าสนใจไม่ใช่การขับรถหลงป่าไปเจอเรื่องประหลาด เรื่องสยองขวัญ ขับรถไปเจอคนแปลกหน้า ได้พบการผจญภัยเหนือจินตนาการ ไม่ใช่ตามฉบับหนังฮอลลีวู้ด แต่สิ่งที่ทำให้หนังน่าสนใจ!!! ที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่น่าจดจำชั่วชีวิตสำหรับสามคนนี้ คือการที่ทั้งสามคนเป็นผู้พิการ! ไม่ใช่พิการแบบเล็กน้อย แต่มาแบบเต็มที่

การลาออกครั้งสุดท้าย : การค้นพบครั้งใหม่???

รีวิวหนังสือ การลาออกครั้งสุดท้าย หนังสือที่เห็นครั้งแรกก็สะดุดตาที่ชื่อมากเลย เพราะมันเข้ามาในช่วงที่เรายังหลงๆงงๆ ในชีวิต สะดุดตาขนาดที่ไม่รอต่อคิวอ่านแต่พุ่งไปร้านหนังสือหาซื้อเองเลย ตอนแรกนึกว่าเป็นหนังสือแปล แต่ไม่ใช่! เป็นของนักเขียนไทยนี่เอง