Movies-Meview

Ego

ถ้าจะให้ชื่อไทยกับหนังเรื่องนี้ก็คงจะเป็น นายตัวร้ายกับยัยผู้ช่วย ล่ะมั้ง หนังเล่าเรื่องของคุณหนูหล่อรวย Sebastian Silverberg ผู้ฝันอยากเป็นนักร้อง(โดยใช้เวลาว่างระหว่างตามฝันด้วยการเป็นพนักงานขายในร้านเสื้อผ้า!?!) และกำลังจะได้เซ็นสัญญา จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุ(แบบเอ่อ…คือมันก็อาจจะเป็นไปได้แหละนะ แต่ก็แบบเอ่อออออ) ทำให้ตาบอดมองไม่เห็นและชีวิตก็ผลิกผันไปเลย จนได้พบกับผู้ช่วยสาว(สวย?) ที่มาช่วยเหลือ ผูกพันกันจนกระทั่งพระเอกรักษาและกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง! แล้วพระเอกจะทำอย่างไร เมื่อได้เห็นหน้าผู้ช่วยที่เค้าจินตนาการถึงมาตลอด ต่อไปคือสปอยล์ล้วนๆ

ยินดีที่ได้รู้จักวิเวียนนะ เราน่าจะได้เจอกันเร็วกว่านี้

ภาพยนตร์สารคดี ว่าด้วยเรื่องราวการทำความรู้จักกับช่างภาพลึกลับ Vivian Maier ผ่านผลงานของเธอ หนังเล่าเรื่องตามช่วงเวลาต่างในชีวิตเธอ โดยใช้ภาพถ่ายผลงานของเธอผสมไปกับคำบอกเล่าของคนที่รู้จักเธอในช่วงนั้นๆ หนังไม่น่าเบื่อนะ เล่าเรื่องหลายมุมและลำดับเวลาก็ไม่งง ได้ดูภาพสวยๆ ได้รุ้จักคนคนนึง ถือว่าคุ้มอยู่นะกับค่าตั๋วเรื่องนี้ ถ้าเป็นคนชอบดูรูปถ่าย ได้ไปดูหลายๆผลงานของเธอในหนังก็คุ้มอย่นะ ถ้าเป็นคอหนังก็พอดูได้ไม่น่าเบื่อนะ อาจจะไม่มีดราม่าพีคอะไร แต่ชีวิตของเธอเองก็มีมิติและลึกมากที่จะทำให้น่าสนใจด้วยเช่นกัน เรื่องทั้งหมดเริ่มจากการที่ลังฟิล์มของเธอถูกประมูลได้ และเมื่อดูภาพเหล่านั้นผู้ประมูลได้ก็ได้พบกับงานระดับเทพ ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ ซึ่งทั้งหมดได้จุดความสงสัยให้แก่เค้าว่าทำไมงานพวกนี้ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนเลย ดังนั้นเค้าจึงเริ่มค้นหาเธอ และพบว่าเธอเพิ่งเสียชีวิตไป แต่มีเช่าที่เก็บของเอาไว้ ดังนั้นเค้าจึงเริ่มค้นหาเรื่องราวในช่วงชีวิตของเธอ ผ่านทั้งภาพถ่ายผลงานของเธอและคนรอบตัวเธอที่รู้จักเธอในแต่ละช่วงเวลา

ชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ของปู่สมบูรณ์

หนังสารคดีที่ได้ไปดูตามแรงเชียร์และเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามจากเพจรีวิวหนังที่ติดตามอยู่ ซึ่งรอบที่ไปดูคือรอบสุดท้ายก่อการขยายเวลายืนโรงเพิ่มไปอีก ซึ่งก็สมควรมาก เพราะรอบนั้นคือเก้าอี้เต็มทุกที่นั่ง ปู่สมบูรณ์เป็นหนังที่ถ่ายทอดชีวิตจริงของปู่สมบูรณ์และย่าละเมียด คู่สามีภรรยาชาวเมืองอยุธยา เป็นเรื่องราวการดูแลกันและกันของปู่และย่า หนักไปทางปู่ดูแลย่า เพราะย่ามีหลายโรครุมเร้ามากมายจริงๆ ย่าละเมียดเป็นโรคไต ที่ต้องฟอกไตทุกๆสี่ชั่วโมง และปู่สมบูรณ์คือคนที่ทำหน้าที่นั้น จดน้ำเข้าออก เตรียมการฟอกไตทุกสี่ชม. พาไปอาบน้ำ ป้อนข้าว พาเข้านอน คือหนังทำให้เราเห็นง่ายๆ เลยว่าชีวิตคู่บางทีก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่าการดูแลกัน ในยามสุขและทุกข์ ไม่ต้องบอกรักโรแมนติกมากมาย เพราะทุกการกระทำของปู่สมบูรณ์แสดงให้เห็นมากกว่าคำพูดมากมาย

Urbanized “มากกว่าการอยู่อาศัย คือการเป็นส่วนหนึ่ง”

ได้มีโอกาสไปดูภาพยนตร์สารคดี ในเทศกาลภาพยนตร์เพื่อสังคมมาเรื่องนึง ชื่อเรื่องว่า Urbanized เป็นสารคดีที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองในแง่มุมต่างๆทั่วโลก ที่จับเอาประเด็นมาเชื่อโยงต่อๆกัน ได้อย่างน่าสนใจในแง่มุมของการกระจายตัว หรือแนวคิดหลากหลายอย่าง หนังเกริ่นด้วยหลักการพื้นฐานของการพัฒนาและขยายตัวของเมือง คือจะต้องวางแผนจัดการอย่างรัดกุม เพื่อรองรับการเติบโตและการเข้ามาอยู่ในเมืองของประชากรที่จะมีเพิ่มขึ้นๆ วางแผนเพื่อให้คุณภาพการอยู่อาศัยดีขึ้นและลดปัญหารื่องคุณภาพการอยู่อาศัยของผู้อยู่อาศัยเดิม โดยเริ่มเล่าเรื่องจากเมืองมุมไบ เมืองที่จะกลายเป็นเมืองที่หนาแน่นที่สุดในโลกในอนาคต แต่เมืองขาดการวางแผนจัดการที่ดี ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนพัฒนาเมือง ทำเป็นลืมพวกเขาไปและปล่อยให้อยู่กับสลัมกันอย่างแออัด แนวคิดแปลกๆอย่างการจำกัดสุขาภิบาล โดยจากการศึกษาพบว่า1ห้องน้ำควรรองรับสัก50คนหรือ10ครัวเรือน แต่ที่มุมไบรองรับไปถึง600คน ซึ่งลดมาจาก900คนต่อห้องน้ำแล้ว โดยภาครัฐมีแนวคิดที่จะจำกัดการย้ายเข้าสู่ตัวเมืองโดยการจำกัดห้องน้ำ! อาสาสมัครจึงกัดไปเบาๆว่าอย่างกับคนจะย้ายเข้ามาเพื่อเข้าห้องน้ำงั้นล่ะ เป็นการแสดงให้เห็นกลายๆว่าเป้นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุดเลย ในขณะที่ประเทศชิลี ได้มีหน่วยงาน(?)ที่ลุกขึ้นมาจัดการเรื่องนี้ ทำการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างบ้านเอื้ออาทร โดยใช้การออกแบบเข้ามาช่วยจัดการภายใต้งบประมาณที่จำกัด และจัดทำไม่ใช่แค่การฟังเสียงหรือทำตามนโยบายนักการเมือง แต่เป็นการคิดถึงชุมชนที่อยู่อาศัยจริงๆ ผู้ออกแบบเข้าใจดีว่าความเป็นชุมชนไม่สามารถมีแค่ที่อยู่อาศัยได้ แต่ต้องประกอบไปด้วยหน่วยย่อยอื่นๆของสังคมอีก หัวใจสำคัญคือเรื่องทำเลที่ตั้ง ฉะนั้นงบประมาณจึงถูกแบ่งมาสำหรับที่ดิน และงานระบบ เหลือจึงเป็นค่าก่อสร้างบ้าน โดยผู้ออกแบบใส่ใจชุมชน และรับฟัง เปิดกว้างให้แก่ผู้อยู่อาศัย โดยจัดาร้างแบบครึ่งเดียว มีเฉพาะสิ่งที่จำเป็นให้ ที่เหลือเป็นไอเดียและความฝันของผู้อยู่อาศัยที่จะตกแต่งกันต่อไปตามแต่ละคน อ่างอาบน้ำหรือที่ทำน้ำร้อน? ถามนักการเมืองนักเคลื่อนไหว ก็เลือกเครื่องทำน้ำอุ่นกัน แต่กับชาวบ้านผู้ยากไร้ที่ไม่เคยมีพื้นที่ส่วนตัวเลย พวกเขาจะต้องการอะไรมากไปกว่าอ่างอาบน้ำล่ะ พสกเขาจะต้องการเครื่องทำน้ำร้อนไปทำไม ในเมื่อส่วนใหญ่แทบจะไม่มีเงินค่าแก้สมาจุดเคื่องทำน้ำร้อนด้วยซ้ำ จากแนวคิดของการพัฒนาพื้นที่ โดยมีทุกอย่างอยู่ในชุมชน ไล่ไปสู่แนวความคิดของการพัฒนาเมืองโดยแยกส่วนต่างๆออกจากกัน ซึ่งนำมาสู่การพัฒนาเมืองบราซิเลีย ในบราซิล ที่ทุกอย่างถูกวางผังออกแบบอย่างสวยงาม …

PK หนังที่เกินคุ้มค่าตั๋ว+ค่ารถ

PK หนังที่จ่ายแพงกว่าปกติ และรวมค่ารถในการถ่อไปดูยังคุ้มเกินค่าตั๋ว PK หนังอินเดียที่กระแสบอกต่อต้องมาแรงมากๆแน่ถ้าคนได้ไปดูมา (ซึ่งเราก็ไปดูตามคำบอกต่อรีวิวมาเหมือนกัน) ซึ่งพบว่าหนังดีมากกกกกกกกก ถึงมากที่สุด แม้ว่าหนังจะเข้าจำกัดโรงแค่เมเจอร์สุขุมวิทและพระรามสาม รวมกับค่าความเฉพาะกลุ่มที่ตั๋วแพงกว่าปกติที่ 250 (ได้ราคาลดมาที่ 230) รวมกับการที่ต้องนั่งรถเพื่อไปดูก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกหรือความรู้สึกคุ้มค่าที่ได้ไปดูลดน้อยลงเลยสักนิด กลับกันกลับรู้สึกว่าถ้าไม่ได้ถ่อมาดู ไม่ยอมจ่ายมาดูจะเป็นอะไรที่เสียใจมาก หนังว่าด้วยเรื่องของมนุษย์ต่างดาวที่เดินทางมาทำวิจัยที่โลกมนุษย์และถูกขโมยรีโมทส่งสัญญาณกลับบ้านไปจนได้มาเจอกับนางเอกที่ทำงานเป็นนักข่าวแล้วเรื่องของการเริ่มต้นตามเอารีโมทคืนก็เริ่มขึ้นพร้อมกับการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อ เรื่องราวความวุ่นวายของพระเอกเกิดจากโจรที่ขโมยรีโมท ที่เป็นสร้อยวิบวับไปและเอาไปขายให้แก่นักบวข? ที่เป็นผู้นำลัทธิซึ่งเอาไปหลอกลวงชาวบ้านต่อว่าเป้นของศักดิ์สิทธิ์ โดยการเริ่มต้นตามหารีโมทของพระเอกเริ่มขึ้นพร้อมกับความรักของนางเอกชาวอินเดียและหนุ่มปากีสถาน (ที่ความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติ ความเชื่อ ศาสนาพุ่งสูงเลยทีเดียว)และนางเอกถูกคำทำนาย(ของนักบวชที่เอาสร้อยพระเอกไป)มาสั่นคลอนความรักกับแฟนหนุ่ม นี่คือสองเส้นเรื่องของหนังเรื่องนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทั้งหมด หนังเล่าเรื่องของพระเอกที่ต้องการตามหารีโมทในนิวเดลฮี เมืองใหญ่คนระดับสิบล้าน ด้วยความว่างเปล่า ใครเอาไป คนนั้นคือใคร อยู่ที่ไหน เรียกได้ว่ายิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเลยทีเดียว และทุกคนที่พระเอกไปพบก็ต่างบอกพระเอกว่าต้องไปให้พระเจ้าช่วยแล้วแหละ ซึ่งทำให้พระเอกเริ่มออกตามหาพระเจ้า แต่ปัญหาคือ พระเอกต้องตามหาพระเจ้าองค์ไหนล่ะ?

John Wick หนังคิวบู๊เท่ๆ

สารภาพว่าตอนเข้าไปดูนี่ไม่คิดอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันเรื่องเกี่ยวกับอะไรเนี่ย แต่พอดูไปเรื่อยๆ อ้อนี่มันหนังบู๊ขายพี่คีอานู รีฟส์นี่เอง หนังว่าด้วยชายผู้ซึ่งเมียตาย และถูกลูกมาเฟียรัสเซียขโมยรถและฆ่าหมาที่เมียทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าตาย และชายผู้นั้นลุกมาแก้แค้น แต่เผอิญชายคนนั้นเป็นนักฆ่าขั้นเทพนี่สิ อย่างนี้ไม่ถือว่าสปอยล์นะ เพราะทั้งเรื่องมันมีแค่นี้จริงๆ คือบทนี่เขียนมาเหมือนจะเป็นหนังตลกเลย เป็นหนังบู๊มาเฟียที่ไม่ได้ขายความซีเรียสเท่าไหร่ บางอย่างเขียนมาให้มันดูตลกแบบมาเฟียรัสเซียเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่กลัวอดีตลูกน้องอะไรงี้ ถือว่าไปดูเอาฉากบู๊เท่ๆในเรื่องเอา อยากรู้ว่าทำสำเร็จไหมต้องลองไปดูกัน สิ่งดีงามของหนังเรื่องนี้คือบู๊กันด้วยปืนในชุดสูท ซึ่งชอบมาก เพราะหนังมาเฟียส่วนมากชอบใส่แจ็กเก็ตหนังและเสื้อกล้ามขาวตีกันด้วยไม้และชกกัน คือดูแล้วรู้สึกเหมือนกระดูกจะหักตาม แต่หนังเรื่องนี้ไม่เลย ยิงกันจะจะ และพระเอกยิงได้ฉลาดมาก ไม่มีนะมายิงอก ยิงพลาดแล้วจะลุกขึ้นมาได้ พระเอกยิงหัวเกือบหมดเลย ก็แนวไล่ฆ่าไล่ถล่มกันทั้งเรื่องนั่นแหละ แต่คิวบู๊ดูแล้วมันส์มาก หลายจังหวะเท่มากชอบบบบ แต่ถ้าคาดหวังบู๊ล้างผลาญแบบไมเคิล เบย์ ระเบิดมันทุกอย่างหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์นะ คาดหวังการแสดงดราม่าเว่อวังอะไรนี่ไม่มีนะ เรทความน่าดู เป็นหนังที่เหมาะแก่การดูวันพุธ

The Fault In Our Stars

The Fault In Our Stars…Okay… หนังดีมากกกกก คืออินมากกก หนังเล่าเรื่องของเฮเซลสาวน้อยที่เป็นมะเร็งปอดและไปพบรักกับเจ้าหนุ่มวอเตอร์สผู้เอาชนะมะเร็งด้วยการตัดขาออกไป และทั้งคู่ตั้งใจออกตามหานักเขียนคนโปรด หนังเล่าเรื่องราวความรักของทั้งคู่ผ่านเรื่องราวตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน เริ่มตกหลุมรักและถอยห่างและเข้ามาคู่กัน พร้อมตอนจบสุดเศร้า เป็นพล็อตหนังที่พลิกไปจากที่อ่านเรื่องย่อไว้ เรียกว่าไม่ได้เตรียมใจมากับตอนจบแบบนี้ ทำให้ยิ่งรู้สึกเศร้ามากๆ บทหนังเรียบง่ายแต่กินใจและไม่เวิ่นเว้อในส่วนของเรื่องอาการป่วย คือชอบตรงที่ไม่ได้ดราม่าเรื่องอาการป่วยและฟูมฟาย ไม่ได้มาแบบที่ว่าต้องมีหวัง ต้องหาย ต้องรอด แต่คือทุกคนเข้าใจและยอมรับมัน ยอมรับความที่ต้องพรากจากกัน และนำเสนอออกมาในแง่มุมที่สวยงามระหว่างกัน พร้อมบทพูดที่เรียกน้ำตามากๆ ยิ่งค่อยๆซึมค่อยๆอินไปเรื่อยๆ พอมาถึงจุดพีคนี่ก็อื้ออหือเศร้าซะ แต่มันเป็นการมาถึงจุดพีคแบบค่อยๆไต่ คือไม่ได้ไปถึงยอดแต่อยู่ใกล้สุดและค่อยๆคงระดับไปเรื่อยๆจนจบ ซึ่งแบบนี้ยิ่งทำให้อินและอารมณ์คงอยู่นานมากๆ (ข้างๆนี่ร้องไห้ไม่หยุดเลยทีเดียวแทบจะยื่นทิชชู่ให้) พระเอกเล่นดีมาก เสียงมีชีวิตชีวาแสดงอารมณ์มากๆ พระเอกอาจจะไม้หล่อมาก แต่จากบทและการแสดงแล้ว อื้อหืออ ดูดีขึ้นมา70%เลยทีเดียว The fault in our star เป็นหนังสวยงามที่ดูเพลินดูแล้วอินมาก ดูแล้วอยากไปซื้อหนังสือมาอ่านเลย แต่ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการดูเพื่อผ่อนคลายตลกเฮฮา เพราะมันจะอินและฝังหัวมากๆ สิ่งที่ชอบเป็นพิเศษในเรื่องคือเสียงพระเอกตอนเรียกนางเอก และรอยยิ้มพระเอก สดใสมาก ไม่รู้เชียร์ตอนนี้จะช้าไปไหม แต่ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะไปแลกันนะ

Lilet Never Happened

หนังเรื่องที่สามของเทศกาลหนังยุโรปคราวนี้ หนังจากเนเธอร์แลนด์ เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวในสลัมแห่งหนึ่งของฟิลิปปินส์ที่หันเห(?)ไปสู่การเป็นโสเภณีเด็กและเหตุการณ์ต่างๆก็พากันเกิดขึ้น จนไปถึงจุดจบที่เศร้าใจ หนังเล่าเรื่องของเด็กหญิงคนนึงนามว่าลิเลต ที่มีชะตาชีวิตอย่างซวยตามพล็อตละครไทยเรื่องพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยงเลยเพียงแต่ลิเลตไม่โชคดีเท่านางเอกละครไทยเท่านั้น เพราะลิเลตถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนและนอกจากนั้นแม่ของลิเลตเองก็พยายามจะขายลูกกินให้ไปนอนกับผู้ชายแก่ๆ ซึ่ทั้งหมดนี้ก็เพียงพอแก่การผลักให้ลิเลตต้องหนีออกไปอยู่บนถนน(แถมแม่ไม่ตามหาด้วย เอ้อ!) จนถูกจับ และได้มิชชั่นนารีมาช่วยเหลือประกันตัวออกมา กลับไปบ้านและลิเลตก็มาแอบๆอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเยาวชน แต่…….!!!

Big Boy Goes Banana! พลังประชาชน มีชัยเหนือทุนนิยม

Big Boy Goes Banana! เป็นภาพยนตร์สารคดีว่าด้วยเรื่องของผู้กำกับชาวสวีเดนที่ไปเหยียบเท้าบริษัทผลไม้ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างDole เป็นหนังที่ถ่ายทำเพื่อบอกเล่าเรื่องราวระหว่างผู้กำกับคนนี้ถูกยักษ์ใหญ่ไล่บี้ เนื่องจากผู้กำกับคนนี้ทำหนังสารคดีว่าด้วยการทำฟาร์มกล้วยในอเมริกาใต้ของบริษัทDole ว่ามีการใช้สารเคมีบลาๆ ซึ่งคดีนี้ก็ถูกฟ้องและถูกศาลตัดสินไปแล้วว่าDoleผิดจริง แต่Doleกำลังอุทธรณ์อยู่ ผู้กำกับสวีเดนก็ทำหนังขึ้นมาชื่อเรื่อง Banana และกำลังจะนำไปฉาย แต่ทางDole ก็รู้เห็นว่าจะมีการฉายหนัง ซึ่งทางDoleกล่าวอ้างว่าเป็นข้อมูลเท็จทำให้บริษัทเสียหาย อย่ากระนั้นเลยDoleก็จัดการส่งหมายเตือนไปเลยว่าห้าฉายนะ ไม่งั้นฟ้องตูดบานนะ บีบผู้จัดเทศกาลหนังว่าถ้าเอ็งฉายก็จะโดนฟ้องด้วยนะ บลาๆ บีบหนักมาก ช่วงแรกของหนังเรื่องนี้ได้แต่สงสารเลยว่าผู้กำกับและหนังเจ้าปัญหาโดนหนักมากจริงๆ จนสุดท้ายก็พยายามจนฉายได้ แม้จะโดนDoleเปิดเกมเร็วด้วยการใช้สื่อโจมตีผู้กำกับก่อนในหลายๆแง่ และก็เกิดกระบวนการฟ้องร้องกันตามมานี่แหละ ทางDoleไล่บี้หนักจริงๆ ไม่ว่าใครก็ตามที่เอ่ยถึงหนังเรื่องนี้ หรือสัมภาษณ์ผู้กำกับคนนี้ แม้จะเป็นรายเล็กย่อย ทีวีท้องถิ่นก็ตาม Doleจัดการติดต่อไปหมดเลย หูตาทิพย์มากๆ จนกระทั่งทางผู้กำกับก็ลุกขึ้นมาฟ้องDoleกลับด้วยเช่นกัน

Come As You Are

เปิดเทศกาลภาพยนตร์ยุโรป ที่ต้องใช้ความพยายามมากๆในการไปดู เฉียดๆเคอร์ฟิวท่ามกลางมรสุมการเมืองอันระอุเลยทีเดียว กับภาพยนตร์จากเบลเยี่ยม เรื่องเยี่ยมเลย come as you are หนังที่เล่าเรื่องของเพื่อนสามคนที่ต้องการเดินทางท่องยุโรป ชิมไวน์และแวะบาร์เด็ดๆ แล้วมีเรื่องราวระหว่างการเดินทาง พล็อตปกติเดิมๆอย่างที่เราเห็นกันในหนังการเดินทางตามความฝันสักอย่าง สิ่งที่ทำให้น่าสนใจไม่ใช่การขับรถหลงป่าไปเจอเรื่องประหลาด เรื่องสยองขวัญ ขับรถไปเจอคนแปลกหน้า ได้พบการผจญภัยเหนือจินตนาการ ไม่ใช่ตามฉบับหนังฮอลลีวู้ด แต่สิ่งที่ทำให้หนังน่าสนใจ!!! ที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่น่าจดจำชั่วชีวิตสำหรับสามคนนี้ คือการที่ทั้งสามคนเป็นผู้พิการ! ไม่ใช่พิการแบบเล็กน้อย แต่มาแบบเต็มที่