คินาบาลู ไปเองก็ได้ไม่ยาก ไม่แพง(มาก) ไปทั้งทีเปย์ให้หมด

kinabalu
South's peak of mt.kinabalu
ยอดSouth’s Peak อันโด่งดังของคินาบาลู แต่ยอดนี้ไม่ใช่ยอดที่สูงที่สุดนะ

คินาบาลู ทริปที่ใครต่อใครว่ากันว่าแพงมาก แต่จริงๆแล้วก็ไปแบบไม่แพง(มาก)ได้นะ

คินาบาลู ไปแบบสายเปย์ กระจายรายได้สู่ชุมชนทุกจุด ค่าใช้จ่ายสำหรับ5วัน4คืนจบที่ 26,500 บาท รวมทุกอย่าง รวมตั๋วเครื่องบิน 4 เที่ยว รวมลูกหาบ รวมค่าฝากของ รวมค่าเอิงเอยสองวันหนึ่งคืนในกัวลาลัมเปอร์ด้วย ถ้าอยากไปแบบไม่แพงมาก ลองมาดูกันว่าจะประหยัดตรงไหนได้บ้าง

การเดินทางไปยากไหม

ไม่ยากมาก แต่จองให้ได้นี่ยากโคตร จริงๆไม่ยากขนาดนั้นแต่ต้องแพลนนานหน่อย สัก 5-6 เดือนล่วงหน้าจะดี (ถ้าจะไปเอง) เพราะเค้าจำกัดจำนวนคนขึ้น วันละประมาณ140คน และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาทัวร์ไปคินาบาลูเลือดสาดมาก (เท่าที่เช็คๆจากquotationเก่าๆ ราคาที่พักขึ้นเฉลี่ยปีละ1,500บาทไทยได้/ต่อคน) ต่อให้ราคาจะขึ้นเรื่อยๆแต่มันก็มีวิธีไปถูกๆประหยัดๆได้เช่นกัน

ขอให้จำไว้ว่าหลักการของการไปคินาบาลูคือคนยิ่งเยอะ ยิ่งถูก

เดี๋ยวจะอธิบายว่าทำไมต่อไป แต่หลักใหญ่ใจความคือสิ่งที่จะผันแปรกับค่าใช้จ่ายของทริปคินาบาลูคือ ค่าที่พักและค่าไกด์ (ค่ารถด้วย)

ที่พัก

อันนี้จะพูดถึงกรณีไปแบบรีบร้อนเท่านั้น ที่ไปถึงเมืองคินาบาลูแล้วหาที่นอน นอนคืนเดียวก่อนเดินขึ้นคินาบาลูนะ ถ้าใครมีเวลาเอิงเอยในตัวเมืองคินาบาลูเที่ยวตรงอื่นก็ขยายค่าใช้จ่ายไปตามเหมาะสม เพราะนี่ไม่มีเวลาเดินในตัวเมืองคินาบาลูเลย

คืนแรกก่อนขึ้น

อันนี้แนะนำว่าควรไปนอนแถวๆอุทยานเลย เพราะอุทยานโคตรไกลจากตัวเมือง สองชม.ได้อะ เปิดให้ลงทะเบียนเดินขึ้นตอนเก้าโมง ถ้านอนในตัวเมืองก็ต้องออกตั้งแต่6.30-7โมง นู่น ไม่นับว่าจะหารถมายังไงด้วยนะ ฉะนั้นคืนแรก ให้มุ่งตรงไปนอนที่อุทยานเลย แต่นอนตรงไหนค่อยว่ากัน จดไว้เลยว่าตรงนี้คือส่วนที่เราประหยัดได้

คืนที่สองข้างบน

ต้องเข้าใจก่อนว่า เพราะที่พักข้างบนนั้นมีจำกัดมาก จึงเป็นที่มาของการจำกัดจำนวนคนขึ้นไปบนนั้น

ที่พักข้างบนมีหลายที่มากๆ ประมาน4-5 hutได้ แต่! ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติจองได้คือ Laban rataเท่านั้น อันอื่นไม่ใช่ไม่เปิดให้พักนะ เปิดให้พักได้ แต่เราจองเองไม่ได้…คียเวิร์ดอยู่ตรงนี้ เราจองเองไม่ได้…แต่ทัวร์จองให้เราได้นะ

ฉะนั้นเราจึงสามารถเดินทางไปคินาบาลูได้2แบบ

วิธีไปแบบแรก เอาเงินฟาด จ่ายไปให้หมด ให้เอเจนซี่จัดการให้ทุกอย่าง

เค้าจะดูแลให้ทุกอย่างตั้งแต่รถรับจากสนามบินยันส่งกลับสนามบิน อันนี้ง่ายมาก ติดต่อไป จ่ายตัง จบ ไม่ต้องทำอะไรล่ะ เสียตรงที่มันจะแพงกว่าแบบทำเองอยู่หน่อย (บางทีก็ไม่หน่อยอะ)

แต่!! วิธีนี้คนยิ่งเยอะยิ่งถูก ***ดอกจันสามดอกเลย***

ทัวร์คนไทยที่จัดๆกันก็ใช้วิธีนี้ เป็นคนกลางที่ดีลเรากับเอเจนซี่ให้แล้วบวกส่วนต่างเอา มากน้อยแล้วแต่เจ้า เค้าจะเป็นตัวกลางที่รวบรวมคนไปเอาราคาถูกมาให้

วิธีประหยัด#1.1

ฉะนั้นถ้าใครรวมกลุ่มได้สัก4-5คน ดีลกับทัวร์ที่นู่นเองได้เลย ไม่ต้องผ่านทัวร์ไทยจะได้ราคาที่พอโอเคอยู่หน่อย (ที่เช็คมาตีกลมๆให้20kได้ ออพชั่นดี เอเจ้นดัง นอนในอุทยาน นอนนอกอุทยานที่ถามมาตีกลมๆให้18kละกัน, ราคา2018นะ) ถ้าไปคนเดียวหรือสองคนจะแพงกว่านี้ ก็เอามาเทียบๆกับที่ทัวร์คนไทยเค้าจัดละกัน ว่าส่วนต่างเยอะไหม แต่ดีลกับทัวร์ที่นู่นง่ายสบายมาก ไม่ยากเลย ให้เราจัดการก็ได้นะ คิดค่าบริการเท่าข้าวยำปลาดิบหนึ่งจาน อิอิ

วิธีประหยัด#1.2

ที่พักคืนแรก ตรงแถวๆอุทยาน ทัวร์จะมีแพคเกจให้เลือกว่าจะนอนที่อุทยานหรือจะนอนรอบๆแถวอุทยาน ราคาก็ขึ้นตามความสะดวกสบายเลย นอนในอุทยานก็ไม่ต้องเดินทางมาก แต่จะแพงหน่อย ถ้านอนข้างนอกก็แล้วแต่ทัวร์จัดให้ อาจจะต้องนั่งรถมาสัก15นาทีเป็นต้น ไม่ได้ลำบากมาก ทัวร์เค้าจัดให้หมดแล้ว ถ้าเอาประหยัดก็นอนข้างนอก

วิธีประหยัด#1.3

เน้นจองห้องแบบถูกเข้าไว้ จองนานจองเร็วก็ดี วิธีจองกับเอเจ้นนี่จองไม่ต้องนานมากถ้าเทียบกับจองเอง น่าจะได้ มีห้องเหลืออยู่ เพราะเค้าไปเหมาที่พักมาไว้แล้ว เหลือแค่เอามาขายนี่แหละ สักสามเดือนก็ยังมีที่อยู่นะ แต่ถ้าจองช้าห้องถูกๆ อาจจะหมดแล้ว ต้องนอนห้องส่วนตัวแบบแพงอะไรอย่างนี้ ถ้าอยากประหยัด กำหนดวันจองได้เร็วก็ดี เผื่อห้องถูกหมด

ไปกับทัวร์ไหนดี

เท่าที่เช็คมา เจ้าดังๆที่นิยมเลยคือ amazing borneo ราคาแรง แต่บริการดีนะ เท่าที่เมลล์สอบถามตอบไว คุยรู้เรื่อง เพื่อนที่ไปมาก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่มายด์เรื่องบัดเจทดีลเองได้เลย ทัวร์ไทยส่วนมากก็เห็นดีลกับเจ้านี้เป็นหลัก

ส่วนเจ้าอื่นๆ ที่ขอราคามา เช่น Borneo trail ก็มีคนแนะนำอยู่ มีคนที่ไปเดินรอบที่เราไปก็มากับเจ้านี้ ราคาถูกกว่าหน่อยนึง รีวิวของไทยยังไม่ค่อยเห็น แต่ฝรั่งว่าก็โอเค (ราคาที่ได้มาคือ 17.2k สำหรับนอนข้างนอก, ราคา2018นะ) หรือ River Jungle ราคาไม่ได้ถูกกว่าเท่าไหร่ แต่ก็ถูกกว่าหน่อยนึง รีวิวอันนี้ก็กลางๆนะ เช่นเดิมรีวิวของไทยยังไม่ค่อยเห็น (ราคาที่ได้มาคือ 19.5k สำหรับนอนข้างนอก, ราคา2018นะ) พวกนี้ตอบเมลล์ช้ากว่า Amazing Borneoเยอะ

ยังไงลองหาอ่านบล็อกของฝรั่งได้ มีคนเขียนข้อดีข้อเสียเปรียบเทียบอยู่ (ถ้าหาลิงค์เจอเดี๋ยวเอามาแปะให้)

มาที่ไฮไลท์ดีกว่า เอเจ้นนี้ค่อนข้างดังเรื่องราคาถูก และดูเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว (ไม่ให้ความรู้สึกฟันหัวแบะมากนัก) นั่นคือออ jungle jack นั่นเอง ดังเพราะเป็นเอเจ้นที่ทำราคาออกมาได้ถูกมาก ราคาถูกจริง (ราคาที่ได้มาคือ 15k สำหรับนอนข้างนอก,ราคา2018นะ)

แต่!!!!

เท่าที่อ่านมา คือแกเหมือนไม่ได้เป็นauthorized tour operator แต่อารมณ์เหมือนแกอยู่มานานทำมานาน รู้จักคนเยอะ ก็จะยัดๆแปะๆไปได้ไรงี้ คือหลายคนก็ได้ขึ้นนะ แต่ก็มีฝรั่ง บางคนไม่ได้ขึ้นเหมือนกัน แล้วเท่าที่อ่านต่อมา คือที่พักแกข้างล่างก็ไม่ได้ถูกกฎหมายเท่าไหร่ แต่ทัวร์แกราคาถูกจริง (อาจจะไม่ถูกจริงเท่าไหร่ เพราะเราต้องหารถไปเอง แต่ถ้าเอาว่านั่งรถบัสประจำทางไปก็ถูกแหละ) ฉะนั้น อยากไปแบบถูกๆมีทัวร์จัดการให้แบบกึ่งๆ จะลองดูก็ได้ ชื่อเสียงก็มี ชื่อเสียก็มี (เตือนแล้วนะ /ทำเสียงหม่อมป้อม)

วิธีประหยัด #2 ไปแบบที่สองคือไปเอง จัดการเองทุกอย่าง จองที่พักตรงกับsutera sanctuaryเลย

การจองไม่ยากมาก แต่ติดต่อให้ได้นี่แอบยาก เพราะไม่รู้ต้องส่งอีเมลล์ไปที่ไหน ก็หว่านๆส่งไปให้หมด จะมีสักคนตอบเรากลับมาเอง แต่บางทีมันก็มีจังหวะอีเมลล์ดาวน์แล้วส่งตอบกลับยากหน่อย ถ้าเอาให้แม่นๆก็โทรไปเลย แต่โพรเซสรวมๆไม่ยาก เหมือนจองกับเอเจ้นนี่แหละ ส่งเมลล์บอกวัน คอนเฟิร์ม แล้วจ่ายตังค์จบ

แต่การจองแบบนี้ทุกอย่างเราต้องจัดการเอง หาทางพาตัวเองไปที่อุทยานให้ได้ ซึ่งไม่ยากมาก แค่เราจะต้องไปถึงคินาบาลูก่อนเย็นเท่านั้น(เดี๋ยวไม่ทันกินข้าว แถวนั้นไม่มีอะไรขายเลย) เพราะการจองตรงแบบนี้ เมื่อเราไปถึงเค้าก็จัดการให้เกือบหมดละ เหลือแค่จ่ายๆที่เหลือ

หน้าตาประตูทางเข้าอุทยานจะเป็นแบบนี้ ข้อดีของการไปเองก็จะได้เดินผ่านแหละ ทัวร์ส่วนมากขับรถตรงเข้าไปเลย วิ้วววว

วิธีการไปอุทยานจากสนามบิน

วิธีประหยัด#2.1

ค่ารถในการเดินทางจากสนามบินไปอุทยาน พยายามไปแบบสาธารณะเข้าไว้ก็จะช่วยประหยัดได้ จากค่ารถแบบเหมาก็เป็นแบบถูกลง ทั้งนี้ขึ้นกับเวลาที่ไปถึงคินาบาลูด้วย ถ้าเย็นมากต้องทำใจเหมา หรือถ้าคนเยอะ จะเหมาไปอาจจะคุ้มกว่าจ่ายแบบรายคน ลองบวกๆดู (ราคาเหมาขากลับจากอุทยานมาในเมืองคิดค่าเหมา 200 ริงกิต ขาไปอุทยานเห็นในพันทิปได้ที่ 160 ริงกิต)

สนามบินไปท่ารถ

ไม่ยากเลย ลงจากเครื่องออกมา จะมีตู้ขายตั๋ว airport busอยู่ แบบอยู่ตรงหน้าเลย หน้าตาก็แบบรุปข้างล่างเลย ราคา5ริงกิตต่อคน ลงป้ายสุดท้าย รถเข้าเมืองเที่ยวสุดท้ายหมดกี่โมงไม่แน่ใจ แต่ขากลับเข้าสนามบินรถหมดหนึ่งทุ่มสิบห้า (จากสนามบินไปในเมืองก็น่าจะหมดราวๆหกโมงครึ่งมั้ง*มั้งนะ*)

ถ้าเหมาแท๊กซี่ไปสนามบินจากท่ารถ ราคากลางคือ40ริงกิต หรือจะหาแกรบแท๊กซี่เอาก็ได้ น่าจะประมาณ10ริงกิตมั้ง *ไม่ยืนยันนะ แค่ลองกดๆดูยังไม่ได้ลองเรียก  

ท่ารถไปอุทยาน

ที่ท่ารถเดินไปหาตู้ขายตั๋วที่เขียนว่า Ranau ตรงท่ารถมันจะมีรถหลายคันที่เขียนว่าkinabalub park แต่ไปอุทยานต้องอันที่อยู่ในเขตranau แล้วก็นั่งบัสไป ราคาอยู่ที่20 ริงกิตต่อคน เค้าจะจอดส่งหน้าอุทยานเลยไม่ต้องกังวล (ดูรูปทางเข้าด้านบนจำไว้ก็ได้)

ขากลับก็ยืนดักโบกหน้าอุทยานนี่แหละ ให้ดูรถหลังคาเหลืองไว้ จะมาทุกๆ20-30นาที ไม่ก็รถบัสประจำทาง จะมีกำหนดเวลามาทุกๆครึ่งชั่วโมง ถ้าลงมาไวๆหน่อยก็ดี เพราะต้องนั่งรถเข้าเมืองอีก2ชม.ได้ ถ้ามีไฟล์ทต่อ แล้วจะไปสนามบินก็ไม่ควรขึ้นรถจากอุทยานช้ากว่า16.30-17.00 เดี๋ยวไม่ทันรถบัสสนามบินแล้วต้องเหมาแท๊กซี่ไป

ป้ายจะเขียนว่า Ranau แต่อย่ากังวลไป คนขับส่วนมาเข้าถึงประชิดตัวอยู่แล้ว แค่ดูป้ายให้มั่นใจพอ

วิธีประหยัด#2.2

ถ้าเราจองมาเองที่พักคืนแรกก็จะมีให้เลือกนอนในอุทยานหรือนอนข้างนอกเช่นเดียวกัน ถ้าเลือกแบบนอนข้างนอกต้องไปถึงอุทยานก่อน4โมงเย็นนะ ไม่งั้นต้องหารถไปเอง ถ้าไปถึงก่อนสี่โมงเย็น ทางอุทยานจัดรถไปส่งไปรับให้ (ไปถึงช้ากว่านั้นคงต้องดูแลตัวเอง) เราเอาสบายๆก็นอนในอุทยานเลย ราคานอนในอุทยานจะอยู่ที่ 12,000บาทต่อคน ถ้านอนข้างนอกจะอยู่ที่ 11,000บาทต่อคน ถ้าให้แนะนำก็นอนในอุทยานไปเลย ห้องอาหารหลักก็อยู่ที่นี่

ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ต้องจ่าย

  • *บังคับ*ค่าเข้าอุทยานคนละ15ริงกิต
  • *บังคับ*ค่าธรรมเนียมและประกันคนละ207ริงกิต
  • *บังคับ*ค่าไกด์ 230 ต่อหนึ่งไกด์ (หารได้ห้าคน)
  • *ไม่บังคับ*ค่ารถไปที่จุดเริ่มเดิน 17ริงกิตต่อคน (เหมือนอ่านมาว่าขาละต่อคน แต่เราได้ไปกลับเลย ราคานี้)

ก็ตีกลมๆค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ต้องจ่ายเพิ่มถ้าจองเองก็จะราวๆ 335-519ริงกิต (2,800-3,500บาทต่อคน)

วิธีประหยัด#2.3

ถ้าดูค่าใช้จ่ายบังคับที่ต้องจ่ายจะมีส่วนที่ประหยัดได้คือค่าไกด์นั่นเอง เพราะไกด์หนึ่งคนสามารถหารกันได้ห้าคน ถ้าไปกันห้าคนค่าใช้จ่ายตรงนี้จะถูกลง ขอแนะนำว่าหาคนไปจากไทยเลยจะดีกว่า หาคนหารหน้างานค่อนข้างยาก ส่วนมากมากับทัวร์หมดแล้ว จองเองมีน้อยมาก

*ทริค* ตรงเคาน์เตอร์ที่หาไกด์ เจ้าหน้าที่เค้าจะมีลิสรายชื่อและจำนวนคนขึ้นของวันนี้อยู่ ก็ส่องๆมาเลย ว่าใครมาเองบ้าง อย่างเราถามเค้าเลย แล้วก็ส่องรายชื่อไปด้วย ถามเลยคนนี้มายัง ฮ่าๆ ถ้าไม่มีคนมาเองเหลือที่จะไปจับหารก็ไม่ต้องเสียเวลารอหรอก หรือถ้ามีโอกาสก็จะลองหาเอาไว้หารก็ได้ แต่บางทีกว่าจะหาคนเจอ เราก็อาจจะเสียเวลากินข้าวไปละ อย่างเราเสียเวลารอเกือบชั่วโมงแน่ะ แถมคนที่จะหารมีความอ้อยสร้อย ลำไย เลยไม่ได้หาร แต่เสียเวลาไปชั่วโมงนึง

วิธีประหยัด#2.4

ค่ารถไปจุดเริ่มเดิน จริงๆถ้าฟิตมากๆ จะเดินไปเองก็ได้นะ ห้ากิโลได้มั้ง แต่แนะนำว่านั่งรถไปเถอะ เซฟแรงไว้เดินขึ้นดีกว่า ได้ใช้แรงอีกเยอะแน่ๆ แต่แล้วแต่เลยละกัน ถ้าอยากประหยัดก็เดินเอาโลด

ถ้าตีราคาเอาแบบเต็มๆเลยไปเองก็จะอยู่ที่ ราวๆ13,800-15,500ต่อคน ไม่รวมตั๋ว ไม่รวมลูกหาบ ไม่รวมค่าฝากของ

สรุปว่า ถ้าจะไปเองนี้หาสักสี่คนกำลังดี ไม่เกินห้าเพราะมันจะมีผลกับค่าไกด์ เพราะค่าที่พักที่จองตรงกับอุทยานไม่มีราคาลดนะต่อให้จองหลายคน จะไม่เหมือนพวกเอเจ้นที่ยิ่งจองหลายคนยิ่งถูก คงเพราะเอาค่าแพคเกจอื่นๆมาลดได้ แต่ถ้ามีสัก 5-6 คนขึ้นไปลองขอราคาเอเจ้นมาเทียบดูก็ได้ ลองเลือกๆเอาดูว่าอยากไปแบบไหน สบายๆถือกระเป๋าไปอย่างเดียว หรือลุยๆหน่อยประหยัดได้อีก

การจองข้างต้นที่กล่าวมา ไม่ว่าจะจองทัวร์กับจองเองนั้นจะยึดจากแพคเกจ3วัน2คืนเป็นหลัก รวมค่าอาหารไปทุกมื้อแล้ว ตั้งแต่มื้อเย็นวันที่ไปถึง จนถึงมื้อเที่ยงวันที่เราเดินลง (ลงมากินข้างล่างนะ ต้องลงมาถึงก่อนสี่โมง ห้องอาหารปิดสี่โมงครึ่ง) ทำให้ราคาออกมาสูง

แล้วทำยังไงจะประหยัดได้อีกล่ะ?

วิธีประหยัด #3

จริงๆมีอีกวิธีนึงที่จะช่วยได้ คือการจองแพคเกจแบบ2วัน1คืน ก็คือแพคเกจขึ้นไปนอนข้างบนเท่านั้น แล้วตอนนอนข้างล่างเราหาเอาเอง แต่!!! ดอกจันสามดอก ข้อเสียของวิธีนี้คือ จะเปิดให้จองแค่หนึ่งเดือนล่วงหน้าก่อนวันขึ้นเท่านั้น ซึ่งสำหรับคนไทยบินไกลแบบสี่ไฟล์ทแล้วนั้น ไม่แน่ใจเลยว่าวิธีจะประหยัดหรือไม่ เพราะเราจะเลือกราคาตั๋วเครื่องบินไม่ได้เลย รู้แต่ว่าต้องบิน ณ วันนั้น

ไม่มีทัวร์ไหนที่จะการันตีแบบ2วัน1คืนให้ได้หลายเดือนล่วงหน้านะ (แบบทางการ) เอาว่าเรายังไม่เจอไม่เห็นนะ ถ้ามีก็ให้ระวังๆไว้หน่อย อย่าเห็นแก่ราคาที่ถูกมากนะ วืดมาเดี๋ยวเสียใจหนัก เสียเงินเสียเวลาบินไปทั้งที บางทีก็อย่าเสียมากเสียยาก เสียน้อยเสียง่าย เอาที่เราไปแล้วสบายๆก็ดีนะ แต่ถ้าใครจะไปแบบให้ถูกสุดๆ ก็ลองๆจัดกันไปดู

วิถีสายเปย์ สำหรับคนรักสบาย

  • ค่าลูกหาบจะอยู่ที่กิโลละ 13ริงกิต ก็จัดไป กระจายรายได้สู่ชุมชน เราจ้างแบกขึ้นไปเลย แค่เอาตัวเองขึ้นไปก็เหนื่อยละ แบกของอีกคงไปถึงมืดค่ำพอดี
  • ค่าฝากกระเป๋า ใบละ12ริงกิต อะไรไม่จำเป็น ฝากไว้ข้างล่างโลด ต้นทุนการฝากเราถือว่าถูกมาก ถ้าเทียบกับแรงที่ต้องใช้แบกขึ้นไป
  • ค่าน้ำ ที่อุทยานจะขายอยู่ขวดละ3.5-4ริงกิต ขวดใหญ่นะ ถ้าแบกไหวก็จัดไปก็ได้ ข้างบนขายขวดใหญ่ขวดละ14ริงกิต เราเอาให้ลูกหาบแบกไปขวดนึงรวมกับของอื่นๆ ถือว่าคิดถูกมั้ง
  • ค่าใบประกาศนียบัตรว่าเราพิชิตยอดได้แล้วอยู่ที่ใบละ10.10ริงกิต มาแล้วก็จัดไปให้ครบๆ (มากับเอเจ้นค่าใบประกาศนียบัตรรวมแล้วนะ)
  • ค่าห้องพัก ถ้าใครมีกำลัง สายเปย์ เราว่าข้างบนจองห้องส่วนตัวไปเลยก็ดี เราโชคดีได้อัพเกรด ไปห้องส่วนตัว มีห้องน้ำในตัวมีน้ำร้อนด้วย มีฮีทเตอร์ มีอุปกรณ์อาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวให้ครบครัน มีกาน้ำร้อน น้ำเปล่าให้อีกคนละขวดด้วย คืออยู่สบายของจริง โคตรดี คือนอนสบายมาก พักผ่อนเต็มที่ ค่าอัพเกรดที่ต้องจ่ายอยู่ที่4,000ต่อห้อง (หารๆก็คนละสองพัน) ตอนยังไม่ไปเราว่าแพง แต่กลับมาแล้วเราว่าจ่ายเหอะ ไม่รู้ว่าห้องรวมเป็นยังไง แต่นอนรวม6-8คน เตียงไม้สองชั้น(ไม่มีมี่กั้นด้วยนะ) ไม่มีฮีทเตอร์ เสียงก็จะดังๆหนาวๆหน่อย

แถมกิจกรรมเสริมสำหรับสายเปย์ที่แข็งแรงมาก คือการไต่เฟอราต้า ง่ายๆก็คือไต่เชือกบนหน้าผานั่นเอง มีสองเส้นให้เลือกคือwalk the torq และ low’s peak circuit

Walk the torq ก็จะเป็นระยะทางสั้นๆ ราวๆ1-2ชมก็เสร็จแล้ว ไต่พอให้ได้รู้ ว่าเป็นยังไง

Low’s peak circuit จะเป็นการไต่แบบเต็มเส้น ยาวๆ รอบๆ ใช้เวลานานอยู่ 3-4ชม ได้มั้ง

จะไปอันนี้ควรจะต้องแข็งแรงมาก มีแต่ใจไปไม่ไหวนะ บอกไว้ก่อนเลย

วิธีจอง

เอาชัวร์ก็คือซื้อเป็นทัวร์แพคเกจไปได้เลย เอเจ้นท์ชื่อ mountain torqจะเป็นคนดูอันนี้ ซื้อผ่านเอเจ้นท์คนอื่นก็ได้ เค้าจะมาดีลกัน แต่เค้าก็จะเอาเรามาไว้กับเจ้านี้แหละ ตอนเดินขึ้น อารมณ์เหมือนเอเจ้นท์นี้จะเหมาที่พักบนpeadant hutไว้หมดเลย ข้อเสียคือไต่ไม่ได้ ไต่ไม่ไหวไม่คืนตังค์นะ

เอาไม่ชัวร์ก็คือซื้อหน้างาน เฉพาะการไต่ ต้องซื้อตั้งแต่ข้างล่างเลย ข้างบนไม่มีขาย ราคาจะอยู่ราวๆ850-900ริงกิต (เฉพาะค่าไต่นะ ค่าที่พักไม่นับ) อันนี้แล้วแต่ดวงเลยว่าจะมีที่ว่างไหม แต่ดูจากความหนักหนา แล้วคิดว่าเดินไปจองก็น่าจะว่างนะ คนไต่น้อยมาก ส่วนแพคเกจพร้อมที่พักนี่ไม่ชัวร์นะ น่าจะต้องจองล่วงหน้าไปก่อน ข้อดีของแบบนี้คือ ฝรั่ง**บางคน**บอกว่าถ้าไต่ไม่ได้ อากาศไม่ดีคืนเงินค่าไต่ให้ ไม่รู้จริงไหม แต่มีคนได้คืน (แต่ไต่ไม่ไหว เราไม่ฟิตนี่ไม่ได้คืนนะ)

ถ้าเพื่อนไต่เฟอราต้าจะแชร์ไกด์กันไม่ได้นะ เพราะเวลาลงไม่พร้อมกัน (แต่เอาจริงๆคิดว่าถ้าไปกลุ่มเดียวกันหมดน่าจะแชร์ได้ แต่คนที่ไม่ไต่ต้องรอเดินลงพร้อมกัน เพราะเราเคยได้quotation แบบแชร์ไกด์มา)

ค่าตั๋วเครื่องบิน

อันนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่อีกก้อน โดยเราต้องบินไปลงที่kinabalu (BKI) ซึ่งไม่มีบินตรงจากไทยแล้ว ต้องต่อเครื่องเอา ทางเลือกส่วนมากก็จะไปจากกัวลาลัมเปอร์นี่แหละ สี่ไฟล์ทบินไปกลับ เราได้มาที่คนละ6,000บาทรวมค่าโหลดกระเป๋าแล้ว นี่ถือว่าอยู่ในกลุ่มราคาถูก กลุ่มมาตรฐานคือ ไม่เกิน 8,000บาท (สี่เที่ยว)

ที่นิยมกันก็คือไปเช้าวันนั้นแล้วต่อเครื่องไปคินาอีกที จะไปถึงราวๆบ่ายสามได้ แต่อันนี้คือเครื่องไม่ดีเลย์และเดินไวมากนะ ถ้าไม่อยากรีบเร่งขนาดนั้นก็บินไปก่อนคืนนึงก็ได้ หรือเลื่อนไฟล์ทไปคินาให้ช้าลงก็ได้ ดูก่อนนะว่าเราไปยังไง ถ้าไปเอเจนซี่ไปถึงเย็นๆก็ได้ ไปเองไปถึงเย็นมากไม่ดีไม่มีรถ

*เพิ่มเติม* หลังจากโพสต์บล็อกนี้ไปไม่ถึงวัน แอร์เอเชียก็ได้เปิดเส้นทางบินตรง ดอนเมือง-โคตาคินาบาลูแล้ว (แต่จะอยู่ถึงเมื่อไหร่ก็มาลุ้นกัน เส้นทางนี้ เปิดๆปิดๆ มาหลายสายการบินล่ะ)

เท่าที่เช็คมามีบิน อ พฤ ส จังหวะเวลาเหมือนพอดีไปเดินขึ้นคินาบาลู สามวันสองคืนเลย แต่!!!!!!!!!!

ขากลับ เครื่องออกบ่ายสาม….ถ้าดูตามตารางแล้ว วันที่บินกลับก็คือวันที่เดินขึ้นยอด (ตั้งแต่ตีสอง) แล้วก็เดินลง….ถ้าจะมาขึ้นเครื่องให้ทัน ก็เอาอย่างช้าคือ ต้องลงมาที่ทำการตั้งแต่เที่ยง อืมมมมมมม ถ้าไม่ได้แข็งแรงมากๆ ฟิตโคตรๆ ไม่คิดว่ามีคนธรรมดาทำได้นะ ถ้าจะไปเดินขึ้นคินาบาลูจองตั๋วขากลับผ่าน kl วันถัดไปเถอะ ไม่มีทางลงมาทันแน่ๆ /เตือนแล้วนะ

ส่วนขาไปเวลาดีมาก ออกเก้าโมงไปถึงบ่ายโมง มีเวลาเหลือเฟือไปที่อุทยานแล้วนอนเล่น ควรค่าแก่การบินตรง เสียตรงเสียวันลา สองวันนี่แหละ ถ้าร่ำรวยวันลา จัดเลย

ทิ้งท้าย ถ้าใครมีอะไรสงสัยเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายหรือการเดินทางไปคินาบาลูจะทิ้งคำถามไว้ก็ได้ ถ้าตอบได้จะช่วยตอบให้ 🙂