OLA! South Africa

OLA! South Africa

ไปแอฟริกาใต้ ไปทำไม เชื่อว่าใครๆก็สงสัย เพราะมันเป็นที่เที่ยวที่ลี้ลับสำหรับคนไทย (ตอนนั้นเมื่อห้าปีก่อน) จริงๆตอนนี้ก็ยังลับๆอยู่นะ แต่ไม่ลี้มากแล้ว ณ เวลานี้ เห็นคนไปมาเยอะขึ้น ตั๋วโปรเยอะขึ้น แต่แย่สุดคือไม่มีบินตรงแล้วนาจา การบินไทยปิดรูทไปแล้ว

ทริปนี้เป็นทริปที่อยู่ในความทรงจำเราแน่นมากๆ (คิดดูจะห้าปีแล้ว ยังจำได้อยู่เลย) แต่เขียนตอนนี้ มุมมองก็อาจจะเปลี่ยนไปจากเมื่อห้าปีก่อน ก็เสียดายที่ตอนนั้นไม่ได้เขียนเก็บไว้เท่าไหร่

แต่ที่ไม่เปลี่ยนเลยคือเรารักที่นี่ และยังอยากกลับไปเสมอถ้ามีโอกาส แม้ว่าตอนเราไปจะเรียกว่าเป็น Grand south africaก็ได้ คือไปครบแต่อาจจะไม่ละเอียดมากทุกจุด แบบไม่เผื่อกลับมาอีก แต่สุดท้ายแล้วยังไงๆTable mountain ต้องมีซ่อมแน่ๆ (ขอเคลียร์คิวตอนนี้ที่ยาวล้นไปก่อน) ถามว่าทำไมรัก ทำไมชอบ บอกเหตุผลไม่ได้ แต่ทริปนี้เป็นครั้งแรกสำหรับเราในหลายๆอย่าง

ไปเที่ยวต่างประเทศไกลๆเองครั้งแรก ในฐานะผู้ใหญ่ คือเมื่อก่อนมีจ้างโลคอลทัวร์ไปหลายๆที่ แต่ด้วยความที่เราเป็นเด็ก เราก็ไม่ทำอะไร เก็บกระเป๋าอย่างเดียว แต่คราวนี้ต่างออกไป เราไปในฐานะผู้ใหญ่แล้ว เราต้องจัดการเองทั้งหมด ตั๋ว กำหนดวัน กำหนดที่เที่ยว ติดต่อไกด์ วางแผนการเที่ยวเองทั้งหมด ทำเองทั้งหมดทุกขั้นตอนเลย แถมมาประเดิมก็เล่นท่ายากเลย ไปซะไกลเลย แต่เอาจริงๆไม่ยากมากนะ คนแอฟริกาใต้ภาษาอังกฤษดีมากนาจา

เป็นทริปที่เรากำหนดที่ที่เราอยากไปเอง ไม่ได้ตามรีวิวมาก ว่าใครไปทำอะไรที่ไหน อย่างไร (คือตอนนั้นข้อมูลน้อยมาก) เราเปิดหนังสืออ่านทีละหน้าแล้วเลือกสิ่งที่เราอยากทำ ที่ที่เราอยากไปแล้วทำออกมาเป็นโปรแกรมเที่ยวเลย อาจจะเพราะเราได้ไปในที่ที่เราเลือกมาแล้วว่าอยาก แม้จะเจอความผิดหวังบ้าง มันก็ไม่ทำให้ความฟินเราลดลง เราเลยยังจำได้มาจนทุกวันนี้

วนรถเพื่อแวะมาที่นี่เลย ที่นี่เรียกว่า God Window จ้ะ……ไม่รู้หรอกว่าพระเจ้าจะมองเห็นอะไรบ้าง เราเห็นแต่หมอกจางๆและควัน
เป็นทริปที่เราไปเที่ยวยาวที่สุดตั้งแต่เคยเที่ยวมาละมั้ง รวมเวลา15วันได้ ค่ะ ครึ่งเดือน!! (ตอนนี้ก็ยังเป็นทริปที่ยาวที่สุดอยู่ดี) จนตอนลงรูปช่วงท้ายทริปก็มีคนถามว่านี่ยังไม่กลับอีกหรอ แต่เป็น15วันที่เรามีความสุขมากๆ เวลาผ่านไปเร็วสุดๆทำให้เราตัดสินใจได้ว่า วันลาคือหนึ่งในองค์ประกอบในการเลือกงานของเรา (เข้าปีแรกกดลารัวๆ12วันเลย)

Cape of Good Hope!!
ที่นี่เป็นที่ทำให้เราได้เปิดโลกลองทำอะไรหลายๆอย่างครั้งแรก ดูสัตว์แบบซาฟารีโล่งๆ เดือนข้างๆสัตว์ป่าครั้งแรกก็ที่นี่เช่นกัน (และยังเป็นครั้งเดียวอยู่) ขี่นกกระจอกเทศครั้งแรกก็ที่นี่

การโดดบันจี้จัมพ์ครั้งแรกก็ที่นี่แหละ จริงๆอยากโดดตั้งแต่ไปลาสเวกัสแล้ว แต่ตอนนั้นก็มัวแต่ลังเลเอาไงดี ดูไปดูมา ปิดจ้ะ (เสียใจยันทุกวันนี้) ทำให้เราเรียนรู้ว่า โอกาสบางครั้งบางจังหวะ มันจะไม่กลับมาอีกแล้ว เลือกทำในสิ่งที่เราจะไม่เสียดายที่ไม่ได้ทำมัน แต่ที่แอฟริกาใต้ เราจะไม่ยอมให้เกิดแบบนั้นอีกแล้ว! เราเซทรูทเพื่อไปโดดเลย ซึ่งรีวิวคนไทยไม่มีใครไปเส้นGarden routeเลย (ณ เวลานั้นยังไม่มีพูดถึงเลย ตอนนี้ไม่แน่ใจ แต่ด้วยระยะเวลาแล้วคนไทยไม่ค่อยไป) ซึ่งผลจากการอยากโดดบันจี้จัมพ์ ทำให้เราได้เจอคนมากมายหลากหลายตลอดเส้นGarden routeเลย

เป็นทริปเปิดโลก ให้เราได้เจอผู้คนเยอะแยะมากมายหลากหลาย ทำให้เรายิ่งเชื่อว่า ถ้าคนเราออกเดินทางมากขึ้น เราจะเข้าใจกันได้ดีขึ้น เพราะเราได้ไปเรียนรู้คนมากขึ้นนั่นเอง คนแปลกๆ คนดีๆ คนแย่ๆ มีทุกที่ เพียงแค่ต้องเจอให้บ่อย จะได้ชิน

เป็นครั้งแรกที่เราได้ไปเหยีบทวีปแอฟริกา และได้เจอคนแอฟริกันเยอะๆแบบตัวเป็นๆ คือห้าปีก่อน คนแอฟริกายังเข้ามาไทยไม่เยอะเหมือนตอนนี้ ที่เราจะเห็นได้บ่อยๆบางจุด สำหรับบางคนที่นู่นเราก็อาจจะเป็นเอเชียคนแรกที่เค้าได้เจอ เพราะที่แอฟริกาถ้าขาว ต้องหน้าฝรั่งหัวทอง ขาวแล้วหัวดำหน้าหมวยนี่ไม่ตามมาตรฐาน…เป็นครั้งแรกที่ถูกคนแปลกหน้าขอถ่ายรูปด้วย!!

เป็นทริปที่สอนเราว่า จะเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ต้องรอคอย บางอย่างไม่ได้มาด้วยความอยากอย่างเดียว องค์ประกอบหลายอย่าง เวลา เงิน ความพร้อมมันต้องไปพร้อมๆกันด้วย เพราะทริปนี้เราแพลนไว้นานมาก แล้วก็ล่มไป จนกลับมาแพลนใหม่แล้วได้ไปจนได้ในที่สุด เป็นทริปที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่ก็เกิดขึ้นจริงๆไปแล้ว และบทเรียนสุดท้ายคือเมื่ออยู่ต่อหน้าธรรมชาติแล้ว เราก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่จัดการความผิดหวังของตัวเองไป

Table Mountain ที่เห็นในหนังสือเรียนมานาน พอมาเจอของจริง มีผ้าคลุมโต๊ะด้วย
เป็นทริปที่ทำให้เราอยากกลับมาเขียนความทรงจำเอาไว้ คือตอนแรกๆฟิตมาก แต่ไฟก็มอดลงไปเรื่อยๆ แต่ห้าปีเราไม่เคยลืมและยังคิดว่าจะทำให้เสร็จอยู่ดี
.
.
.
ฉลองก่อนครบห้าปี