บันทึกประจำวัน #4 ลบ

จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ เพราะวันนี้มีเวลามานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก่อนนอนเล็กน้อย (ซึ่งปกติหลับเลย) แต่ดันนั่งนึกไปมาแล้วก็นอนไม่หลับซะนี่ = = แต่ไหนๆก็เป็นการนึกเรื่อยเปื่อยที่มีประโยชน์เหมือนกัน ก็บันทึกเก็บไว้หน่อยละกัน เพราะถือเป็นการทบทวนตัวเองประจำไตรมาสไปเลยละกัน

พอมานั่งคิดๆดู เรารู้สึกว่าเราเป็นคนที่ไม่ดีเลย เราไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายหรอก แต่ทำผิดต่อ”ความคิดต่อผู้อื่น” มันมีบางทีแหละเราไม่ชอบคนนั้น ไม่ชอบคนนี้ด้วยบางเหตุผล และส่วนมากเราก็มีแนวโน้มเลือกมองบางเรื่องเป็นบางด้าน ด้ยมุมมองของเรา คนนั้นแม่งอย่างนู้น คนนี้แม่งอย่างนั้น คนนั้นชีวิตดีมาก คนนี้สบายมาก บลาๆ มองไปด้านเดียว แล้วเราก็นู่นนี่นั่นอยู่คนเดียวร่ำไป แต่พอมาคิดดู เห้ย ตัวเราแม่งก็อย่างนั้นเหมือนกันแหละ ถ้ามองจากมุมของเค้า

เหมือนอย่างที่เค้าว่าแหละ บางคนมีชีวิตสวยหรู งดงามบนเฟสบุ๊ค แต่ชีวิตจริงอาจจะบัดซบก็ได้ หรือบางคนชีวิตก็ระทมมากบนเฟสบุ๊ค แต่ชีวิตก็อาจจะร่าเริงสดใสปกติก็ได้ บางอย่างมันก็ตัดสินไม่ได้จากการมองมุมเดียว คนนั้นดี คนนี้ไม่ดี คนโน้นเก่ง คนนั้นห่วย บลาๆ ปัจจัยในการตัดสินคนมันมีมากมายหลายอย่างเยอะแยะ บางอย่างเราก็ต้องรู้ต้องเชี่ยวชาญด้วย ถึงจะสามารถตัดสินการกระทำของคนอื่นได้ว่าดีหรือไม่ดี ควรทำหรือไม่ควรทำ ถ้าเรามองปัจจัยเดียวแล้วตัดสินเลย โดยเราไม่รู้เรื่อง ไม่มีความเชี่ยวชาญ เชื่อเถอะ มันไม่ได้ทำให้เราออกมาดูดีเท่าไหร่นัก

เกมเลื่อนไม้ขีดไฟหนึ่งก้านเพื่อแก้สมการ เป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้นะ เพราะแค่เลื่อนไม้ขีดไฟก้าเดียวเพื่อแก้สมการ ก็ยังมีคำตอบออกมาได้หลากหลายหน้า ซึ่งไม่มีอะไรถูกอะไรผิด ทุกคำตอบเป็นไปได้ อยู่ที่เราจะมอง มันก็คงคล้ายๆเวลาเราตัดสินคนแหละ การบอกว่าคนนั้นเก่งไม่เก่ง โดยดูว่า เค้าแก้สมการเหมือนเราไหม ก็ดูเป็นเรื่องตลก ทั้งๆที่วิธีการแก้สมการของเค้าก็ให้ผลลัพธ์ตำตอบออกมาเหมือนกัน ซึ่งทั้งเราและเค้าไม่รู้ว่าคำตอบนั้นคือคำตอบที่ถูกหรือผิด แต่เค้าผิดเพราะแก้สมการไม่เหมือนเราเนี่ยนะ อืมม เราพลาดจริงๆ เรื่องบางเรื่องเราก็ต้องปล่อยให้คนที่เค้าเชี่ยวชาญทำไป ถ้าเราทำเองได้ทุกอย่างมันก็คงเว่อร์ไปละ

เรามีหลากหลายเหตุผลที่จะไม่ชอบใครคนนึง และความไม่ชอบจากความไม่รู้มุมมองของเค้าก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่การที่เราเผยแพร่ความไม่ชอบของเราออกไปเรื่อยๆ มันเป็นเหมือนส่งออกพลังงานลบไปสู่จักรวาล ซึ่งพลังงานนี้นอกจากมันเกาะกิน กัดกร่อนเราได้รวดเร็วยิ่งกว่าการวิ่งรอบสวนลุมสองรอบซะอีก นี่สินะ เหนื่อยกายไม่เท่าเหนื่อยใจ มันยังเพิ่มออร่าพลังงานลบให้คลุมตัวเราไว้ คนไม่อยากดูดซับเรื่องลบๆหรอก

แต่มันเป็นเรื่องยากนะ ที่เราจะมองเรื่องของคนอื่นด้วยมุมมองของคนอื่นบ้าง เพราะคนเราก็คงมองตัวเองเป็นหลักอยู๋แล้ว ไม่รู้สิ เรารู้สึกว่า ศูนย์กลางของจักรวาลคือชั้นเอง มันคืออินเนอร์ที่มีอยู่ในทุกคน อยู่ที่มากหรือน้อย แต่มันน่าจะควบคุมได้นะ บางคนมีมาก บางคนมีน้อย แต่เชื่อว่าเราทุกคนมี

คือเรื่องบางเรื่อง ของบางอย่างมัน ก็มองได้หลายมุมมองหลายด้าน อยู่ที่ว่าเราเอามุมไหนไปมอง มุมของเรา หรือมุมของเค้า เรื่อง่ายๆครอบจักรวาลมนุษย์เงินเดือน ก็อ่างเช่น ทำงานชิว หรือ หมดใจ มนก็อยู่ที่คนจะมอง บางคนแม่งนั่งเรื่อยเปื่อยไม่ทำอะไร (ชิว ทำตัวไร้ประโยชน) แต่อีกมุมนึงคือ เพราะได้พยายามทำมาหมดทุกอย่างจนหมดใจแล้วไหม จะทำไปมากมายทำไม ในเมื่อทุกคนก็ทำแค่นี้ คุณไม่สามารถสิ่งในองค์กรที่ทุกคนเดินได้หรอก (ยกเว้นเป็นเจ้าของนะ) แล้วจะออกแรงวิ่งไปทำไมกัน? นี่อาจจะเป็นความในใจของคนหมดใจก็ได้

สามสิ่งที่ทบทวนได้วันนี้คือ

ถ้าเราไม่เชี่ยวชาญเราอย่าไปตัดสิน และยึดติดกับวิธีของเรา แต่ให้เรียนรู้จากคนที่เค้าเชี่ยวชาญกว่า แล้วค่อยมานั่งคุยกัน คงไม่มีใครสอนฟิสิฟส์ให้เด็กที่บวกเลขไม่เป็นหรอก ต่อให้สอน เด็กที่บวกเลขไม่เป็นจะสามารถเข้าใจได้ไง

พลังงานลบกัดกินเราหลายด้านมากกว่าที่คิด พยายามเก็บมันไว้กับตัวอย่างส่งต่อ ถ้าต้องส่งต่อให้เลือกคนที่ละเลย เพราะเค้าจะไม่เก็บมนไว้กับตัว และพยายามหลีกหนีให้ไกลออร่าลบถ้าป็นไปได้ เชื่อเถอะ ว่าลบลบเจอกันในกรณีนี้ไม่ก่อให้เกิดผลบวกหรอก

เรื่องบางอย่างคงต้องเอาตัวเองไปใส่ในรองเท้านั้นดู ถ้ารองเท้ากัดก็ถอดออกเปลี่ยนคู่ใหม่ หาที่ใส่สบายมาลองใส่ดู

อยู่ในโหมดโดนพลังงานลบกัดกิน ต้องการเวลาพักฟื้น