สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล ดีเหมือนเดิม แต่ไม่ชอบเหมือนเดิม…..

DSC07226

สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล ดีเหมือนเดิม แต่ไม่ชอบเหมือนเดิม…..

หลังจากเพิ่งเล่นไปไม่นานมาก คุณบอยก็เอาสี่แผ่นดินกลับมารีสเตจอีกครั้ง ในความรู้สึกส่วนตัว ว่าเร็วมากและเร็วเกินไปที่จะเอาละครเวทีที่เพิ่งเล่นเป็นร้อยรอบ คนยังไม่ทันลืมยังไม่ทันคิดถึงเอากลับมาเล่นใหม่อีกแล้ว แถมแคสเดิมเกือบหมด เรียกได้ว่า บทแม่พลอยของนกสินจัย และคุณเปรมของกันคงจะผูกติดไปกับทั้งสองคนไปตลอดล่ะ เหมือนช่วงที่ผ่านมาแค่พักเบรกเท่านั้น และก็กลับมาเล่นต่อกัน ด้วยความที่แคสเดิมเกือบหมด เพลงอะไรก็คงเดิม เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมากตอนไปดู แม้จะซื้อบัตรตั้งแต่รอบแรกๆที่เปิดแสดงก็ตาม ฮ่าๆ

ถ้าดูจากการเอากลับมาทำใหม่รอบนี้ ยากมากนะที่จะพูดถึงสี่แผ่นดินแล้วจะไม่แตะเรื่องการเมืองเลย(แต่ก็ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะไม่แตะ พยายามตัดทิ้งไปเกือบหมดนะ) เพราะแกนหลักของเรื่องก็น่าจะเป็นเรื่องนี้ละนะ เป็นการเปลี่ยนผ่านที่เกิดขึ้น จะให้ไปเน้นสนใจแต่เรื่องรักกุ๊กกิ๊กของคุณเปรมกับแม่พลอยวัยสาวอย่างเดียว ก็คงสร้างออกมาได้แค่องก์แรกเท่านั้น เข้าใจว่าทำเพื่อขายความบันเทิงเลยไม่เน้นเรื่องพาทการเมืองเท่าไหร่ เลยทำให้บทอ่อนแรงตรงจุดยืนและเหตุผลของทั้งสองฝ่ายพอๆกัน

ส่วนตัวแล้วสี่แผ่นดินเวอร์ชั่นนี้เป็นสี่แผ่นดินที่มีความเป็นโมเดิร์นมากขึ้น หลายๆอย่างที่เกือบเหมือนเดิม แต่ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม บริบทรอบตัวเปลี่ยนไปคนดูก็ไปผ่านอะไรมามากขึ้นเหมือนกัน การจะดูแล้วจะได้ความรู้สึกแบบเดิมคงเป็นเรื่องยาก ถ้าดูไม่คิดอะไรก็คงชอบ แต่ถ้าคิดไปรอบๆก็คงพูดว่าชอบได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่

“แล้วผมทำผิดตรงไหน?”

ความรู้สึกส่วนตัวสำหรับคนไม่เคยดู

เนื้อเรื่องและบท…..

จากบทประพันธ์ชั้นตำนาน ที่จับเอามาทำ มีเนื้อหา ประเด็นให้ดำเนินเรื่องเยอะแยะมากมายอยู่แล้ว แต่ประเด็นหลักๆก็คงจะเป็นเรื่องการเมืองการปกครอง ที่อาจจะถือว่าเป็นแก่นหรือภาพจำของนิยายเรื่องนี้ก็ว่าได้ ซึ่งก็แน่นอนว่าประเด็นนี้ก็ต้องมา และก็เติมๆประเด็นช่วงรักกุ๊กกิ๊กระหว่างคุณเปรมและแม่พลอยเข้าไปให้เล่นในแผ่นดินแรก นี่คือประเด็นหลักที่ละครเวทีเรื่องนี้นำเสนอ แต่การตีความและบทที่พัฒนามาจากประเด็นการเมืองข้างต้น บอกได้แค่ว่าขนลุกมาก….แต่จะลุกแบบไหนต้องลองไปดูเอาเอง

ส่วนบทก็ถือว่าเขียนขึ้นมาให้ดูเพื่อความบันเทิงได้แบบบันเทิงเลยจริงๆ ดูไม่เบื่อนะ แม้เรื่องจะกินระยะเวลาน๊านนาน แค่บางช่วงรู้สึกแปลกๆกับการตีความและให้เหตุผลของทีมงานบ้าง (โดยเฉพาะบทตาอ๊อด) แต่ไว้อ่านนิยายจบจะมาเพิ่มคอมเม้นท์ในส่วนนี้ละกัน

ตัวละคร…..

กระจายบทเกลี่ยได้แบบพอเหมาะนะ คือด้วยความที่คนเยอะและด้วยความที่เนื้อเรื่องกินระยะเวลายาวนานขนาดนี้ เท่าที่เกลี่ยกระจายให้แต่ละคนได้ก็ไม่น่าเกลียดแล้ว แต่ทำให้เรารู้จักตัวละครก็แบบผิวเผิน เพราะก็ต้องรีบดำเนินเรื่องด้วยส่วนนึง แต่ติดอยู่นิดเดียว คือบทตาอ๊อด เพราะความสัมพันธ์กับแม่นั้นแปลกมากกกกกกกกกกกกก และการมีอยู่ของบทตาอ๊อดดูไม่ส่งเสริมเนื้อเรื่องเท่าไหร่ (ซึ่งเท่าที่อ่านนิยายผ่านๆไม่คิดว่าจะเป็นแบบนั้น)

การเรียบเรียง…..

เป็นการเล่าเรื่องตามเวลาไป ไล่ไปทีละแผ่นดิน ซึ่งใช้พักครึ่งเป็นตัวแบ่งในการเปลี่ยนจุดพีคของเรื่อง ซึ่งทั้งสององก์ก็ดีทั้งคู่ตามมาตรฐาน

เนื้อหาในองก์แรกดูไม่เน้นเท่าไหร่ เน้นขายกันนภัทรเป็นหลักมากกว่า ฉากเต้นเว่อวังขายกันนภัทรมาก และเต้นนานเกิน เข้าใจว่าจะสะท้อนความฟุ้งเฟ้อแต่แหมม เยอะไปนะ และยังมีฉากเล่นคอนเสิร์ตเพลงพลอยอีกเช่นกัน

ส่วนองก์สองเป็นการขายเนื้อหามากกว่า อาจจะเพราะช่วงองก์ที่สองประเด็นหนักกว่าเข้มข้นกว่าองก์แรก และมีคนเด่นๆหลายๆคนเลยไม่ได้ดูขายใครเป็นพิเศษ และเพราะตัวบทเองก็ไปเน้นย้ำประเด็นอื่นๆมากกว่าด้วย

ฉากแสงสี…..

สวยงามและดีงามตามมาตรฐาน มีการเพิ่มรายละเอียดเข้ามาเล็กน้อย แต่คือดีงามขึ้นกว่าเดิมหมด โดยเฉพาะฉากของตาอ้นในคุก ที่เป็นห้องขังดีขึ้นจริงๆ (ให้ความรู้สึกแสงเงาแบบเลือดขัตติยา ทำน้อยได้มากจริงๆ) มารวมกับการแสดงระดับเทพของอาร์และนกสินจัย ฉากนี้พีคมาก เล่นดีจริงๆทุกอย่างส่งเสริมแก่การน้ำตาไหลมากๆ

เทคนิคการนำเสนอ…..

สร้างสรรค์เหมาะสมดีมาก โดยเฉพาะฉากที่แสดงเวลาเปลี่ยนแปลงไป และการเติบโตขึ้นของตัวละครและการดำเนินเรื่องที่เปลี่ยนไปตามระยะเวลา โดยใช้การเคลื่อนที่ของฉากต่างๆมาช่วย โดยเฉพาะการใช้ฉากหมุนอันนี้ยอดเยี่ยมมาก

เพลงและดนตรี…..

เพลงเยอะ และเพลงเพราะ ตามมาตรฐานมาก แต่ไม่ได้มีการใช้เพลงเน้นย้ำสื่ออารมณ์เท่าไหร่ ยกเว้นเพลงสายธารที่มีเล่นทำนองหลายๆรอบเพื่อเล่าเรื่องราวที่ต่างๆกันในแต่ละช่วงเวลา เพลงที่เหลือคือเพราะ แต่มาเพื่อเล่าเรื่องและเล่าเรื่อง ส่วนเพลงที่โซโล่ก็ดูเพลิดเพลินมาก แต่ลายเซ็นของรัชดาลัยก็ยังอยู่เหมือนเดิม เพราะเพลงก้าวหใม่และหมู่มวลก็ฟังไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม

นักแสดง…..

เล่นดีตามมาตรฐานทุกคน คือดีมาก นักแสดงใหม่ก็เล่นดีมาก

– ชอบนักแสดงแม่พลอยตอนเด็กมาก ชอบเสียงและน้ำหนักเสียงมาก แต่มีช่วงท้ายที่ขึ้นเสียงสูงที่บางจังหวะดูเป็นการแผดเสียงไปหน่อย

– ไอซ์เล่นดีมากกก จังหวะการออกมา การมีตัวตนในฉาก แสดงท่าทางได้ดีมาก เรียกว่าออกมาแจ่มเชียว

– อาเมนเฉยๆ ส่วนตัวไม่ได้แสดงอาการขี้อ้อนได้เลย แต่ทำให้ความสัมพันธ์ม่ลูกดูกระอักกระอ่วนมาก (สิงโตยังกระอักกระอ่วนน้อยกว่านี้) และไม่รู้ว่าเป็นเทคนิคหรืออะไร แต่ร้องเพลงอ้าปากกว้างมาก เห็นครั้งแรกแอบตกใจเลย และบางจังหวะยังร้องเพลงไม่ชัดเท่าไหร่ แต่คิดซะว่าตาอ๊อดเป็นนักเรียนอังกฤษก็กล้อมแกล้มไปได้

– ประไพดูเหมาะสมกับบทดีมาก

– นกสินจัยได้แสดงความเทพทางการแสดงให้เราได้ดูอีกประการคือเล่นได้แบบสะท้อนบุคลิกแม่พลอยตอนสาวมากๆ ทั้งสองเวอร์ชั่นเลย คือแม่พลอยตอนสาวทั้งสองเวอร์ชั่นไม่เหมือนกัน ทั้งบุคลิกลักษณะ แต่นกสินจัยคนเดียวเล่นแล้วรู้สึกได้เลยว่าทั้งสองรอบนกสินจัยคนเดียวกันนี่แหละ แต่แม่พลอยกลับไม่เหมือนกัน

 

ความรู้สึกส่วนตัวเทียบกับของเดิม

เนื้อเรื่องและบท…..

เวอร์ชั่นนี้รู้สึกจะมีการตีความใหม่ในหลายๆจุด ที่สัมผัสได้คือการตีความตัวละครใหม่ในหลายๆคน และก็บทบางช่วงที่เน้นย้ำเป็นพิเศษ แต่โดยรวมๆดูผ่านก็เรียกว่าเหมือนเดิมเกือบหมด 98%ได้ที่เหมือนเดิม ซึ่งจะมีบางฉากที่จำไม่ได้ว่าของเดิมมีหรือป่าว แต่คราวนี้รู้สึกแปลกๆ เช่น ตอนผู้กองคู่ปรับคุณเปรมออกมาเถียงกันนิดหน่อย งงๆว่าออกมาทำไม เพราะผู้กองนี่คือใครแล้วออกมาทำไม ออกมาพูดจาขัดกันแล้วก็จบไปซะอย่างนั้น แล้วผู้กองคนนี้ก็หายไปจากเรื่องเลย ฉากนี้เลยรู้สึกเหมือนเขียนมาเพื่อจะหาช่องใส่คำพูดเท่ๆเท่านั้นเอง คิดว่าอาจจะออกมาเพื่อใบ้ว่ากำลังมีการเปลี่ยนแปลงหรือป่าว แต่ใบ้ได้เบาหวิวมาก)

ตัวละคร…..

เวอร์ชั่นนี้รู้สึกจะมีการตีความใหม่ให้ตัวละครหลายๆตัวมีความดุดัน? หรือแข็งแกร่ง?มากขึ้น ดูฉากแม่พลอยเปิดตัวมาเล่าเรื่องได้เลย จังหวะและน้ำเสียงไม่เหมือนเดิม ตอนแรกๆคิดว่าเป็นที่การใช้เสียงของนักแสดงที่เปลี่ยนไปแต่ดูไปเรื่อยๆ ออกมาหลายๆคน ทุกคนดูเข้มขึ้น อาทิ

– แม่แช่มและเสด็จเทียบกับเวอร์ชั่นก่อนแม่แช่มดูสู้ชีวิตขึ้นมาก เสียงดุดัน ไม่อ่อนยอมเท่าไหร่ ดูแข็งแรงขึ้น ขนาดช่วงหอบลูกมาถวายเส็จยังดูแข็งกร้าวเลยแหะ พูดตอนถวายนี่ตกใจเบาๆ ส่วนเสด็จเองก็ดูดุดันมากเช่นกัน น้ำเสียง จังหวะการพูดนี่เหมือนเจ๊ใหญ่เลย

– แม่พลอย มีการตีความใหม่จริงๆ แม่พลอยรอบนี้แอบรู้สึกกระโดดตอนเด็กมาตอนสาวนิดนึง จากเด็กเรียบร้อยมาสู่สาวแก่น? ตอนสาวๆก็ดูเล่นหูเล่นตา มีจริตชั้นเชิงมากขึ้น (สัมผัสได้ชัดๆในฉากขนมจีน) ไม่มีหรอกเอียงอายอะไรกัน แต่เป็นการตีความบทใหม่ที่ขัดกับส่วนตัวมาก เพราะยุคสมัยและการเลี้ยงดู แม่พลอยน่าจะเป็นเหมือนเวอร์ชั่นก่อนมากกว่าส่วนตัวชอบแบบเดิมมากกว่าที่ดูขรึมและเนียมอายกว่าเวอร์ชั่นนี้ เพราะด้วยรู้สึกว่าพลอยเป็นสาวชาววังมาตั้งแต่เล็กจนโตไม่น่าจะมีจริตและอาการแบบนี้ เลยชอบความขรึมมากกว่าแต่รอบนี้นี้ก็ดูเข้ากับทุกคนในเรื่องดี เพราะทุกคนดูสู้ชีวิตและดุดันขึ้นทั้งหมดตั้งแต่แม่แช่ม เสด็จ ก็ไม่แปลกถ้าคนเหล่านี้เลี้ยงดูแม่พลอยมาและแม่พลอยจะดุดันขึ้นแต่ สุดท้ายก็ได้แต่สงสัยว่าบทแม่พลอยนี้มันต้องเรียบร้อยหวงตัวนิดๆหรือว่าจะทอดชายแบบนี้หว่า??

– คุณเปรมตอนหนุ่มก็ดูร่าเริงจ้าชู้ มีการเล่นหูเล่นตา และความเฮฮามากขึ้น(จากฉากขนมจีน)และดุดันมากขึ้นทั้งการใช้น้ำเสียงและท่าทางที่คุณเปรมมีต่อพลอย เวอร์ชั่นก่อนดูรักแบบเคียงคู่ดู๋ดี๋มากระดับดูเท่าๆกัน แต่เวอร์ชั่นนี้คุณเปรมดูเป็นผู้นำมากขึ้น คืออย่างฉากตาอั้นก็เหมือนเสียใจรู้สึกผิดนะ แต่ก็ยังดูแข็งแกร่งแบบไม่ได้ยอมมากเท่าเวอร์ชั่นก่อน ที่รู้สึกผิดแบบผิดมากกก

– บทลูซิลล์มีการเพิ่มความโดดเด่นให้แก่บทนี้มากขึ้น ดูเป็นคนเฮฮา มีบทบาทมากขึ้นกว่าเวอร์ชั่นเดิม แต่ความสัมพันธ์สามีภรรยากับตาอั้นก็เบาโหวงเหวงเหมือนเดิม คือมาเพื่อให้รู้ว่ามีภรรยาและจากไปแบบงงๆ ทำไมเลิกกันอะไรยังไง เข้าใจว่าไม่เน้น แค่อยากบอกให้คนดูรู้ แต่คิดว่าน่าจะมีชั้นเชิงการเล่ามากกว่านี้ มากกว่าประโยคแค่ “เราคุยกันแล้วไง” สุดท้ายเหมือนปรับบทให้มาเอาฮาเฉยๆ

– รอบนี้ความสัมพันธ์พี่น้องดูแตกร้าวจิกกัดกันดีมาก อย่างฉากอ๊อดปลอบอั้นว่าไม่ได้เลื่อนตำแหน่งเพราไม่ได้ดูที่การจบเมืองนอกเท่านั้น คือน้ำเสียงจิกกัดมาก เข้าใจว่าฉากนี้จะทำการปลอบแต่เลือกใช้เสียงซะแบบนี้หรอคนที่เตรียมงานยินดีให้ หรือจริงๆแล้วควรจะให้ตาอ้นเป็นคนที่พูดเพราะมีประสบการณ์การทำงาน กับฉากจัดการทรัพย์สินที่ตาอ้นบอกให้ตาอั้นจัดการเพราะน้องเรียนมาสูง คือแบบน้ำเสียงอารมณ์การกระแทกกระทั้นนี่เข้าทีมากว่าคงเกลียดกันมาก (ไม่แน่ใจว่าเป็นที่การตีความใหม่หรือเพราะการเลือกใช้น้ำเสียงของนักแสดง แต่ให้นำหนักที่การตีความมากกว่าไม่งั้นนักแสดงคงไม่ใช้เสียงแบบนี้)

แต่!!!…..ทั้งหมดทั้งมวลไม่มีอะไรขนลุกเท่าตาอ๊อดกับแม่อีกแล้ว คือเป็นบทที่เหมือนเดิมนะ คือน่ารำคาญและประหลาดเหมือนเดิม เป็นบทที่ควรตีความและเปลี่ยนใหม่อีกทีรัวๆ ตีความและแสดงออกมาให้เป็นความรักแม่ลูกเถอะ ไม่ใช่ความรักแม่ลูกแบบหมิ่นเหม่สยองขวัญแบบนี้ ไม่นับว่านักแสดงฝีมือยังธรรมดาด้วย ยิ่งแสดงแยกการอ้อนกับการแสดงความรักไม่ได้เลย คือลูกชายคนเล็กขี้อ้อนไม่น่าเป็นแบบนี้ แต่ดีที่่เปลี่ยนเนื้อร้องตรงท่าน้ำ(ของเดิมไม่คุ้นว่าเกี่ยวกับเรื่องเท่าไหร่) คำว่าทูนหัวของลูกนี่ไม่ไหวจริงๆ มันไม่น่าใช่การที่ลูกมาใช้กับแม่นะ แต่หนังสือก็ใช้คำนี้! โอเครคงเป็นที่ตัวเองล่ะที่แปลกกับคำนี้

ซึ่งการปรับเปลี่ยนพวกนี้ก็ไม่ได้แย่อะไร เพราะที่รู้สึกแปลก เนื่องจากยังจำของเดิมได้อยู่เลยและการเปลี่ยนแปลงเลยรู้สึกได้และรู้สึกแปลกแต่ที่เหลือก็เหมือนเดิม เรียกว่าถ้าไม่ได้ดูของเก่ามาก่อน พวกบทช้อย ตอนเด็กๆตอนสาวๆตอนผู้ใหญ่ดีหมด ตลกดีมาก พ่อเพิ่มก็เหมือนเดิม

การเรียบเรียง…..

เทียบกับของเดิมคือเหมือนเดิมเลย เรียบเรียงเล่าเรื่องมาแบบเดิมเลย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ แค่เปลี่ยนการตีความและเน้นย้ำบางประเด็นมากขึ้นเท่านั้นเอง เปลี่ยนคำพูดและตีความการกระทำให้ขนลุกมากขึ้น

เทคนิคการนำเสนอ…..

เทียบกับของเดิม เป็นแบบเดิมทั้งหมด เลยไม่รู้สึกประหลาดใจว้าวเท่าไหร่ แต่ของเดิมก็ดีอยู่แล้วเลยไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปทำไม

เพลงและดนตรี…..

เวอร์ชั่นนี้มีการปรับทำนองและจังหวะให้เร็วขึ้นทั้งหมด ไม่รู้เป็นเพราะการตีความบทให้ดูแข็งแกร่งขึ้นหรือป่าว หรือทำให้มีการแตกต่างจากของเดิมเพื่อให้คนซื้อซีดีก็ไม่รู้ อย่างเพลงพลอยเวอร์ชั่นนี้ออกมาในจังหวะแบบคอนเสิร์ตมาก รวมกับบุคลิกคุณเปรมแบบใหม่ ให้อารมณ์เหมือนมาดูกันเล่นคอนเสิร์ตเลย ส่วนตัวคิดว่ามันน่าจะอารมณ์ถวิลหามากกว่านี้นะ อันนี้เป็นคอนเสิร์ตเกินไปจริงๆ ท่าทางมือมาเต็ม คุณเปรมลั้ลล้ามากก ดูแล้วประหลาดในความรู้สึกมาก จังหวะเร็วเกินไป เสียดายเพลงภาพมาก ด้วยความที่น้ำเสียงไทยๆแบบกัน น่าจะร้องในจังหวะที่ช้าๆซึ้งๆจะอินและเคลิ้มได้มาก แต่ก็นะคุณเปรมรอบนี้ดูแข็งขันขึ้นก็คงมาเนิบๆหวานๆไม่ได้แล้ว

การปรับเปลี่ยนบทเพลงคอนแกรททูเลชั่นมาเป็นเพลงมากมาย ส่วนตัวไม่ชอบเลย เพราะปรับมาเล่นท่าใต้สะดือ และก็ไม่สื่ออะไรเท่าไหร่ และเรื่องใต้สะดือนี่ก็แอบคิดว่าไม่ต้องใส่มาเป็นมุกก็ได้นะ มันไม่ได้ส่งเสริมเรื่องโดยรวมเท่าไหร่ แต่ก็เข้าใจนะว่าเอามาเพื่อเบรก หรือเอามาเพื่อสร้างความตลกขบขัน เยอะไป อย่างเพลงรอดก็ท่าใต้สะดือ (ไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนมาหรือป่าว แต่คิดว่าดั้งเดิมก็แบบนี้) คือมาเพื่อเป็นเพลงโซโล่เอาฮาเฉยๆ

การปรับจังหวะให้เร็วขึ้นทุกอย่างตั้งแต่ต้นเรื่องให้ความรู้สึกแปลกจริงๆ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเอามาปรับให้เร็วขึ้นช่วงหลังไหม ให้เข้ากับบรรยากาศเรื่อง เพราะช่วงองก์แรกมันควรจะเป็นอารมณ์แบบเนิบๆเย็นสบายเข้ากับความเป็นยุคเก่าไปก่อน แล้วค่อยมาเร่งครึ่งหลังให้เร็วขึ้นน่าจะทำให้ส่วนตัวชอบมากขึ้นกว่านี้)

.

 

.

.

ปล.ถ้าสร้างใหม่อีก รอบหน้าจะดูไหม ก็คงตอบว่าดู เพราะอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในบทตาอ๊อดมากกกกก

ตะลึงตัวเองมาก เขียนอะไรได้ยาวขนาดนี้ !?!?