Come As You Are

เปิดเทศกาลภาพยนตร์ยุโรป ที่ต้องใช้ความพยายามมากๆในการไปดู เฉียดๆเคอร์ฟิวท่ามกลางมรสุมการเมืองอันระอุเลยทีเดียว กับภาพยนตร์จากเบลเยี่ยม เรื่องเยี่ยมเลย come as you are

140523 come-as-you-are-(2011)

หนังที่เล่าเรื่องของเพื่อนสามคนที่ต้องการเดินทางท่องยุโรป ชิมไวน์และแวะบาร์เด็ดๆ แล้วมีเรื่องราวระหว่างการเดินทาง พล็อตปกติเดิมๆอย่างที่เราเห็นกันในหนังการเดินทางตามความฝันสักอย่าง สิ่งที่ทำให้น่าสนใจไม่ใช่การขับรถหลงป่าไปเจอเรื่องประหลาด เรื่องสยองขวัญ ขับรถไปเจอคนแปลกหน้า ได้พบการผจญภัยเหนือจินตนาการ ไม่ใช่ตามฉบับหนังฮอลลีวู้ด

แต่สิ่งที่ทำให้หนังน่าสนใจ!!! ที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่น่าจดจำชั่วชีวิตสำหรับสามคนนี้ คือการที่ทั้งสามคนเป็นผู้พิการ! ไม่ใช่พิการแบบเล็กน้อย แต่มาแบบเต็มที่

แบบที่ไม่ค่อยมีหนังที่ได้ดูเอามาเป็นตัวเอกเท่าไหร่ ซึ่งตัวเอกที่ไม่ได้มีร่างการสมบูรณ์หน้าตาดีเยี่ยม ไม่ใช่อะไรที่หาได้ในหนังไทยเลย แม้กระทั่งหนังฮอลลีวู้ดก็ไม่หยิบมาเล่นเท่าไหร่ ถ้ามาจะต้องมาในรูปแบบฮีโร่บางอย่างเสมอ ส่วนมากจะเป็นแบบคนปกติแล้วเกิดอุบัติเหตุให้พิการ แล้วหมดหวังจนฮึดสู้ขึ้นมา แต่ของไทยนี่อย่าหวัง ร่างกายต้องสมบูรณ์ หน้าตาต้องดีเท่านั้น ขอบเรื่องปิดมากๆ แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้เล่าในรูปแบบนั้น

จริงๆแล้วที่ ผู้พิการไม่ค่อยได้เป็นตัวเอก ในสื่อบันเทิงไทย อาจจะเป็นเพราะเราแทบไม่เห็นความสำคัญของผู้พิการ ทำให้ผู้พิการต้องออกมาในแบบผู้ร้องขอความช่วยเหลือจากสังคมเสมอๆ อนุเคราะห์ สงสารว่ากันไป (หนักกว่านั้นคือเอา มาทำเป็นเรื่องตลก) แต่มุมมองที่มีหลักๆคือความสงสาร ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ดีมีคุณธรรม แต่จะใช่สิ่งที่พวกเขามองหาหรือไม่?นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการทั้งหลาย เพราะเราไม่เห็นความสำคัญนั่นเอง ละเลยจนลืมว่ามีอยู่

หนังว่าด้วยเรื่องของเพื่อนและการตามความฝันของวัยรุ่นชายสามคนฟิลิป(ผู้พิการเกือบทั้งร่างกาย ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ผู้ใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็น), ลารส์ (ผู้เป็นอัมพาตท่อนล่างและมีโรคร้าย), โจเซฟ (ผู้ตาบอด) การเดินทางของทั้งสามคนไปด้วยกันก็เป็นเหมือนการเติมเต็มให้กัน ในความขาดของแต่ละคน (แม้จะรู้สึกว่าฟิลิปอารมณ์ร้ายเอาแต่ใจ ปากเสียกับเพื่อนมากเกินไปก็ตาม อาจจะมาจากความรู้สึกขาดมากกว่าคนอื่นก็ได้ คนอื่นก็มีอาการนิสัยเสียเหมือนกัน แต่ไม่มากเท่าฟิลิป ส่วนมากจะเป็นการปากเสียเป็นส่วนใหญ่)

โอเคร การเติมเต็มของทั้งสามคนอาจจะยากเกินไปหน่อย ทีมจึงต้องการพยาบาลผู้ช่วยมาด้วย แต่ไม่ใช่บุรุษพยาบาลแต่ดันกลายเป็นพยาบาลผู้หญิงที่พวกเขาไม่ได้คาดหวังไว้ ซึ่งทำให้พวกเขาออกอาการเกเรแบบน่าถีบมากเลยทีเดียว กว่าจะปรับความเข้าใจกันได้ และทีมพบว่านี่เป็นพยาบาลที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับทริปของพวกเขาเลยทีเดียว ทำให้ทริปสนุกขึ้นอีกมากโข แม้จะมาสะดุดกับดราม่าครอบครัวเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ผ่านมันมาได้และได้ไปไล่ตามฝันจนสุดทาง…..ฝันในการไปเสียหนุ่มครั้งแรก ซึ่งการเสียหนุ่มเป็นสิ่งหนึ่งที่มาเติมเต็มความขาดทางร่างกายของพวกเขาเลยทีเดียว ที่สุดท้ายแล้วทุกคนก็สมหวังแม้สุดท้ายตอนจบจะเป็นที่คาดเดาได้ แต่ก็ไม่อยากให้จบแบบนี้เท่าไหร่ สะเทือนใจเกินไป แต่อย่างน้อยหนังก็ได้ปลอบเราว่าทุกคนมีความสุขนะ

หนังเล่าในมุมของเพื่อนที่จับต้องได้มากกว่า เหมือนเพื่อนข้างบ้านผู้มีความฝันที่อยากออกไปเผชิญโลกแม้ร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย ไม่ต้องมีฉากหวาดเสียว ไม่ต้องมีบทพูดเท่ๆ แต่เราก็ยังเอาใจช่วยและลุ้นไปตลอดการเดินทาง เหมือนนั่งรถไปด้วย เป็นเพื่อนร่วมทริปคนนึง

หนังมีทั้งอารมณ์ตลก ของเพื่อนทั้งสามคนด้วยกัน อารมณ์หมั่นไส้กับนิสัยของตัวละคร และขยี้อารมณ์กับความดราม่าได้ดีมาก ยิ่งตอนจบยิ่งขยี้ใจมาก เวลาไม่เคยคอยใคร เราไม่รู้ว่าเวลาจะหมดลงเมื่อไหร่ แต่ถ้าเวลานั้นมาถึงก็อยากให้มาหมดลงที่สุดทางฝัน เพื่ออย่างน้อยเราก็จะจากไปอย่างมีความสุข

ความยิ่งใหญ่ของความฝันอยู่ที่ความยากลำบากในการทำตามความฝันนั้น การเดินทางท่องยุโรปอาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่การเดินทางท่องยุโรปออกนอกบ้านไปกันเอง(โอเครมีผู้ช่วยด้วยคนนึง) สำหรับผู้พิการ ไปกับผู้พิการ มันต้องใช้ความกล้าไม่ธรรมดาในการออกเดินทางแน่นอน และรางวัลของความกล้าก็คุ้มค่าเสมอ